• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Jessicas

#3861
ป้ายไฟวิ่ง LED เปลี่ยนข้อความผ่านมือถือ ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน

ป้ายไฟวิ่งLED เปลี่ยนข้อความผ่านappมือถือ(เชื่อมต่อทางwi-fi) หรือส่งผ่านระบบLAN  ขนาดป้าย 105x25cm ใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก ทนแดด ทนฝน มีให้เลือก 4สี แดง,เขียว,น้ำเงิน ราคา 2,900บาท และFull colors  ราคา4,200 บาท ใส่คำ,ข้อความ,วันที่,เวลา,รูปภาพต่างๆได้ ป้ายติดตั้งง่าย โครงสร้างแข็งแรงทนทาน

ทางร้านลงคำให้ฟรีในครั้งแรกและสอนวิธีการใช้งานให้ลูกค้าสามารถลงข้อมูลได้ด้วยตัวเอง แถมขายึดป้ายฟรี

สนใจติดต่อ 0945102033
Line :@gentech
หน้าร้านเซียร์รังสิต ชั้น 1


#3862



สงครามต่อสู้กับโควิด-19 เปลี่ยนไป สืบเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้ง่ายมาก จากคำกล่าวของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) ส่งสารอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการบังคับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขฉีดวัคซีนและกลับมาสวมหน้ากากโดยทั่วไป ท่ามกลางข้อมูลที่พบว่ามีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ(breakthrough cases) จำนวนมาก ในนั้นติดเชื้ออาการหนักและเสียชีวิตแล้วกว่า 6,500 ราย

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงเอกสารภายในของซีดีซีระบุว่าตัวกลายพันธุ์เดลตา ซึ่งพบครั้งแรกในอินเดียและตอนนี้กลายเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลก สามารถติดต่อได้ง่ายพอ ๆ กับ โรคอีสุกอีใส และสามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วและง่ายกว่าไข้หวัด มันสามารถแพร่กระจายเชื้อได้แม้กระทั่งจากคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว และอาจเป็นต้นตอของอาการป่วยหนักกว่าสายพันธุ์อื่นๆก่อนหน้านี้

เอกสารที่มีชื่อว่า "ปรับปรุงการสื่อสารเกี่ยวกับเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อและประสิทธิภาพของวัคซีน (Improving communications around vaccine breakthrough and vaccine effectiveness)" ระบุว่าด้วยตัวกลายพันธุ์นี้ จำเป็นต้องใช้แนวทางใหม่เพื่อช่วยให้ประชาชนตระหนักถึงอันตราย ในนั้นรวมถึงส่งสารอย่างชัดเจนว่าบุคคลที่ยังไม่ฉีดวัคซีนมีโอกาสป่วยหนักหรือเสียชีวิตมากกว่าคนที่ฉีดวัคซีนแล้วกว่า 10 เท่า

"ยอมรับว่าสงครามเปลี่ยนไปแล้ว" เอกสารระบุ "ปรับปรุงการสื่อสารเกี่ยวกับความเสี่ยงรายบุคคลในหมู่คนฉีดวัคซีนแล้ว"

ในคำแนะนำด้านมาตรการป้องกันไว้ก่อนต่างๆนานานั้น รวมไปถึงการบังคับฉีดวัคซีนสำหรับผู้ประกอบอาชีพด้านสาธารณสุข เพื่อปกป้องกลุ่มคนอ่อนแอ และหวนกลับมาสวมหน้ากากป้องกันโดยทั่วไป

ซีดีซียอมรับว่าเอกสารฉบับนี้เป็นของจริง หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์นำเสนอรายงานข่าวนี้เป็นแห่งแรก

แม้คนที่ฉีดวัคซีนแล้วมีความเป็นไปได้น้อยที่จะติดเชื้อ แต่ครั้งที่พวกเขาติดเชื้อตัวกลายพันธุ์เดลตาในลักษณะ breakthrough cases เวลานี้พวกเขาก็เหมือนๆกับคนที่ยังไม่ฉีดวัคซีน ที่สามารถแพร่เชื้อสู่คนอื่นๆได้เช่นกัน ซึ่งต่างจากตัวกลายพันธุ์อื่นๆก่อนหน้านี้

กรณีนี้นับว่าน่ากังวลมาก เพราะผู้ที่ได้รับวีคซีนแล้วติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา คือกลุ่มที่เป็นตัวแปรสำคัญในการแพร่เชื้อโดยไม่รู้ตัว ทำให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แล้วได้รับเชื้อจากคนกลุ่มนี้ ยิ่งเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรง

เมื่อวันศุกร์(30ก.ค.) ซีดีซีเผยแพร่ข้อมูลจากผลการวิจัยหนึ่งซึ่งศึกษาการแพร่ระบาดในรัฐแมสซาชูเซตส์ พบว่า 3 ใน 4 ของผู้ติดเชื้อ เป็นกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนแล้ว ซึ่งผลการศึกษาดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการตัดสินใจของซีดีซีเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่แนะนำให้บุคคลที่ฉีดวัคซีนแล้วกลับมาสวมหน้ากากในบางสถานการณ์ จากการเปิดเผยของโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี

ซีดีซีรายงานว่าจนถึงวันที่ 26 กรกฎาคม มีเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้อ(breakthrough cases)อาการหนักหรือเสียชีวิต 6,587 ราย ในขณะที่ซีดีซีหยุดรายงานเคสฉีดวัคซีนครบแล้วแต่ยังติดเชื้ออาการเล็กๆน้อยๆมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม แต่ในรายงานล่าสุด พวกเขาประมาณการว่าน่าจะมีผู้ติดเชื้อแบบแสดงอาการราวๆ 35,000 รายต่อสัปดาห์ในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามตัวเลขของซีดีซียังชี้ให้เห็นว่า วัคซีนนั้นยังมีความสามารถในการป้องกันอาการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตจากโควิดสายพันธุ์เดลตา โดยที่นายจอห์น มัวร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยาจากนิวยอร์ก กล่าวว่า "โดยรวมแล้ว โควิดสายพันธุ์เดลตานั้นคือสายพันธุ์ที่สร้างความลำบากให้เรามากที่สุดเท่าที่เห็นมา แต่ฟ้าก็ยังไม่ถล่มเสียทีเดียว และวัคซีนนั้นก็ยังสามารถป้องกันไม่ให้สถานการณ์มันแย่ไปมากกว่านี้"

เวลานี้มีประชากรวัยผู้ใหญ่สหรัฐฯเกือบ 1 ใน 3 ที่ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว แต่พื้นที่ต่างๆที่มีอัตราการฉีดวัคซีนระดับต่ำ พบเห็นเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่เกรงว่าอีกไม่นานจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตจำเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว

นายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับสูงของสหรัฐฯ เปิดเผยกับรอยเตอร์ คาดหวังว่าวัคซีน ซึ่งเวลานี้เพิ่งอยู่ในขั้นได้รับอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉิน จะเริ่มได้รับอนุมัติจากคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบโดยสมบูรณ์ในเดือนสิงหาคม ซึ่งมันน่าจะช่วยโน้มน้าวให้ประชาชนเข้าฉีดวัคซีนกันมากขึ้น

(ที่มา:รอยเตอร์/วอชิงตันโพสต์) https:// m.mgronline.com/around/detail/9640000075092
#3864
ป้ายไฟวิ่ง LED ดิจิตอล 2 รูปแบบ กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี

**** Single color ****** ราคา 2,900 .- 

**** FULL color ****** ราคา 4,200 .-

- กันน้ำ 100% - รับประกัน 1 ปี










#3865



คอลัมน์ "เรื่องเล่าสะใภ้ญี่ปุ่น" โดย "ซาระซัง"

สวัสดีค่ะเพื่อนผู้อ่านทุกท่าน ยุคนี้อาจเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจที่ญี่ปุ่นมีนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกในวัยเพียงสิบกว่าขวบเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าทึ่งไม่แพ้กันก็คือญี่ปุ่นมีนักกีฬาผู้เฒ่าหลายคนที่ทุบสถิติโลกในการแข่งกีฬาผู้สูงอายุ รวมทั้งมีครูฝึกสูงวัยสุดฟิตเปรี๊ยะด้วยเช่นกัน วันนี้เลยมีเรื่องสองคุณยายจอมพลังแห่งญี่ปุ่นมาเล่าสู่กันฟังค่ะ

คุณยายนักวิ่งลมกรด

หลายคนอาจเคยเห็นภาพคุณยายใส่ชุดนักกีฬาวิ่งอยู่ในสนามแข่งกันมาบ้าง เธอชื่อ โมริตะ มิสึ ปัจจุบันอายุ 98 ปี เคยทำลายสถิติการวิ่งระยะสั้นมาแล้วมากมายทั้งในญี่ปุ่นและนานาชาติตั้งแต่วัย 80 เป็นต้นมา ได้รับเหรียญมาแล้วกว่า 350 เหรียญ รวมทั้งโล่และถ้วยกว่า 50 ชิ้น

ตอนอายุ 90 ปีคุณยายโมริตะทำลายสถิติวิ่ง 100 เมตรในการแข่งกรีฑาผู้สูงอายุญี่ปุ่นกลุ่มผู้หญิงวัย 90-94 ปีอย่างขาดลอย โดยสถิติเดิมอยู่ที่ 50.90 วินาที แต่เธอทำได้ 23.80 วินาที ตอนนั้นเธอนึกเสียดายว่าอีกนิดเดียวก็จะทำลายสถิติโลกได้อยู่แล้ว เลยตั้งเป้าว่าคราวหน้าจะทำลายสถิติโลกให้ได้ และแล้วต่อมาเธอก็ทำลายสถิติโลกได้จริง ๆ ทั้งวิ่ง 100 เมตรที่ 23.15 วินาที และวิ่ง 200 เมตรที่ 55.62 วินาที

เห็นคุณยายโมริตะวิ่งทำลายสถิติแบบนี้ อาจจะคิดว่าคุณยายวิ่งเก่งมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่ที่จริงเธอไม่เคยเล่นกรีฑามาก่อนเลยจนกระทั่งอายุ 69 ปี และการวิ่งแข่งครั้งแรกของเธอก็เกิดขึ้นเพราะสถานการณ์พาไปแท้ ๆ คือตอนนั้นเธอไปดูการแข่งกีฬาในท้องถิ่น แล้วพอดีว่าขาดผู้ลงแข่งวิ่งไปหนึ่งคนในกลุ่มอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป เธอเลยเข้าร่วมและได้ที่สอง ซึ่งตัวเธอเองก็ตกใจเหมือนกัน

จากนั้นมาคนรู้จักเลยชวนคุณยายให้ไปแข่งกรีฑาผู้สูงอายุ เธอจึงเข้าร่วมการวิ่ง 400 เมตรตอนอายุ 70 ปี แต่วิ่งไปไม่ถึงเส้นชัยเพราะหมดแรงเสียก่อน ด้วยความเจ็บใจตัวเองเธอเลยเริ่มฝึกอย่างจริงจัง ทุกเสาร์เธอจะฝึกร่วมกับเด็กประถม หนึ่งในการฝึกได้แก่การวิ่งลากล้อรถ โดยเอาเชือกผู้ยางล้อรถไว้แล้วเอาปลายเชือกอีกข้างผูกไว้กับเอว ส่วนเวลาอยู่บ้านก็วิ่งจากหน้าบ้านไปถึงห้องนั่งเล่นในระยะ 20 เมตร 6 รอบ โดยฝึกเอาท่วงท่าวิ่งที่ถูกต้องซึ่งจะช่วยให้วิ่งได้เร็ว ก่อนนอนก็ทำท่าปั่นจักรยานบนฟูก 300 ครั้งเพื่อให้ขาได้เคลื่อนไหวสม่ำเสมอ

ที่คุณยายมีแรงเล่นกีฬาได้น่าจะเป็นเพราะปกติรับประทานโปรตีนเป็นหลักตั้งแต่มื้อเช้า ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมูแล่บางย่างกระทะ ไข่ดิบ นมสด คู่กับข้าวสวยและสลัด ถ้ามื้อเย็นมักรับประทานทั้งเนื้อสัตว์และเนื้อปลาควบคู่กันไปในมื้อเดียว ซึ่งผลการตรวจร่างกายของคุณยายพบว่าเธอมีมวลกล้ามเนื้อและมวลกระดูกเกินค่าเฉลี่ย มีปริมาณไขมันอยู่ที่ค่าเฉลี่ย เรียกได้ว่าเป็นร่างกายที่สมบูรณ์เอามาก ๆ และหาได้ยากในกลุ่มผู้สูงอายุเช่นนี้

หลังจากสามีเสียชีวิตไป คุณยายก็มีการวิ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยว เธอใช้ชีวิตอย่างร่าเริง มีเป้าหมาย และสนุกกับการวิ่งมาก จนถึงกับบอกว่าอยากจะวิ่งจนถึงอายุร้อยปีเลย เธอบอกว่า "การตั้งเป้าหมายแล้วทำให้สำเร็จได้เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก"

คุณยายครูฝึกฟิตเนส

มาดูเรื่องราวของคุณยายอีกท่านกันบ้าง หลายเดือนก่อนสามีฉันเรียกให้ดูคลิปวีดีโอคุณยายวัยเก้าสิบ ซึ่งเป็นครูฝึกสอนในฟิตเนส เห็นแล้วก็ตกใจในความทรงพลังของเธอจนรู้สึกอายตัวเองเลยค่ะ แม้พวกฉันจะเกิดหลังคุณยายหลายสิบปีและออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ก็ยังไม่แกร่งและเต็มไปด้วยพลังชีวิตเท่าเธอเลย

คุณยาย ทากิชิมะ มิกะ หรือชื่อเล่นว่า "ทากิมิกะ" เป็นครูฝึกฟิตเนสที่อายุมากที่สุดในญี่ปุ่น ปัจจุบันเธออายุ 90 ปีแล้ว แต่สามารถยกน้ำหนักได้ นั่งยืดขาออกด้านข้างได้เกือบ 180 องศา และออกกำลังแบบที่ใช้กล้ามเนื้อหน้าท้องได้ ที่จริงแต่ก่อนคุณยายทากิมิกะก็เป็นแม่บ้านธรรมดาคนหนึ่ง เคยใส่กางเกงไซส์ใหญ่กว่าปัจจุบันเท่าหนึ่ง แต่ตอนนั้นไม่ยอมรับว่าตัวเองอ้วน จนวันหนึ่งสามีผู้แสนดีบอกตรง ๆ ว่าเธออ้วนนะ คุณยายคงช็อคเลยเริ่มออกกำลังกายจริงจังด้วยการไปฟิตเนส เวลานั้นเธออายุได้ 65 ปี พอเล่นฟิตเนสแล้วชอบก็เลยเล่นสม่ำเสมอ ผ่านไปห้าปีเธอลดน้ำหนักไปได้ 15 กิโล ความพยายามอย่างต่อเนื่องทำให้เธอประสบความสำเร็จเช่นนี้เอง

แม้จะผอมลงแล้ว แต่เธอก็ยังไปฟิตเนสไม่ได้ขาด อีกทั้งยังจ้างครูฝึกมาช่วยเทรนให้เธออยู่หลายปี จนครูฝึกเล็งเห็นแวว เลยจับเธอมาลองสอนคนอื่นดูบ้าง ปรากฏว่าทำได้ดีเกินคาด คุณยายเลยผันตัวจากนักเรียนมาเป็นครูฝึกในวัย 87 ปี สอนทั้งคนรุ่นเดียวกันและรุ่นเด็กกว่า ปัจจุบันสอนออนไลน์ในช่วงโควิดด้วย

กิจวัตรประจำวันของคุณยายทากิมิกะคือ ทุกเช้าตอนตีสี่เธอจะเดินสลับวิ่งเป็นเวลาสองชั่วโมงในระยะทางทั้งหมด 8 กิโล คือเดิน 4 กิโล วิ่งเหยาะ 3 กิโล และเดินถอยหลังอีก 1 กิโล จากนั้นรับประทานอาหารเช้า โดยเน้นโปรตีนและผัก ไม่ว่าจะเป็นปลา ไข่ เต้าหู้ ถั่วเน่า สลัด ผักดอง หลังอาหารก็จะทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ทำงานบ้านอื่น ๆ จิปาถะ

อาจเพราะรับประทานหนักในมื้อเช้าแล้ว อาหารกลางวันของคุณยายจึงมีเพียงกล้วยหนึ่งใบและยาคูลท์หนึ่งขวด ตอนบ่ายออกกำลังกายอีกสองชั่วโมงทุกวัน ด้วยการบริหารยืดเส้นยืดสายก่อน แล้วออกกำลังแบบที่สร้างกล้ามเนื้อ จากนั้นมื้อเย็นดื่มไวน์หนึ่งแก้ว ก่อนรับประทานอาหารที่เน้นผักและโปรตีนอีกเช่นกัน คุณยายให้ความสำคัญกับการกินอาหารครบทุกหมู่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ไม่รับประทานอาหารปรุงแต่งหรือใส่สารกันบูดเลย



ช่วงหลังมื้อเย็นมักเป็นเวลาอันแสนอิสระของใครต่อใคร แต่คนอย่างคุณยายทากิมิกะฤาจะยอมนั่ง ๆ นอน ๆ เธอเอาเวลาไปทำการบ้านที่ทางฟิตเนสให้มา รวมทั้งศึกษาการใช้งานสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์ และยังเรียนภาษาอังกฤษเพิ่มเติมอีกต่างหาก เรียกได้ว่าหากิจกรรมทำตลอดไม่เคยว่างก็ว่าได้

ปัจจุบันคุณยายมีช่องยูทูปของตัวเอง และยังเป็นแขกรับเชิญในช่องอื่น ๆ ด้วย ถ้าเพื่อนผู้อ่านได้เห็นเธอออกกำลังกายหรือเคลื่อนไหวตัวระหว่างทำกับข้าวจากวีดีโอข้างต้นแล้ว จะไม่รู้สึกเลยว่าเธออายุ 90 ปี เพราะเธอขยับตัวอย่างคล่องแคล่ว พูดจาฉะฉาน ร่าเริงเป็นที่สุด เห็นเธอแล้วพลอยได้พลังตามไปด้วยเลยค่ะ

เธอมักพูดติดปากเสมอว่า "อายุเป็นเพียงตัวเลข" หรือ "อย่าหมดหวังกับสุขภาพเพราะคิดว่าแก่แล้ว" และอยากให้ใคร ๆ หันมาออกกำลังกายกันเป็นกิจวัตรเพื่อสุขภาพที่ดี

นอกจากคุณยายสองท่านนี้แล้ว ญี่ปุ่นยังมีนักกีฬาสูงวัยอีกมากที่พิสูจน์คำกล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นคุณตา มิยาซากิ ฮิเดคิจิ ที่ทำลายสถิติโลกตอนอายุ 100 ปีจากการวิ่ง 100 เมตรในกลุ่มนักกีฬาชายอายุ 100-104 ปี และเป็นนักกีฬาชายคนที่สองของโลกที่ลงแข่งวิ่งระยะสั้นตอนอายุ 105 ปี ไม่เพียงเท่านั้นคุณตายังลงแข่งกีฬาทุ่มน้ำหนักด้วย


อีกท่านหนึ่งคือคุณยาย นางาโอกะ มิเอโกะ ซึ่งเป็นนักว่ายน้ำ เดิมทีเธอหัดว่ายน้ำเพื่อรักษาเข่าที่บาดเจ็บเมื่ออายุ 80 ปี ซึ่งกว่าจะว่าย 25 เมตรได้ใช้เวลาเป็นปี แต่ใครจะรู้ว่าต่อมาเธอคนนี้เข้าแข่งขันว่ายน้ำและได้รับรางวัลมากมายทั้งในญี่ปุ่นและนานาชาติ อีกทั้งยังเป็นคนแรกของโลกในการแข่งขันรุ่น 100-104 ปีที่ว่ายได้ครบระยะทาง 1500 เมตร นอกจากนี้ก็ยังมีคุณตาคุณยายนักกีฬาในทุกชั้นวัยอีกมากที่ไม่อาจเล่าได้หมดในที่นี้


ท่านผู้เฒ่าเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายและสนุกสดใสกับชีวิตมากเลยนะคะ แม้จะอายุมากถึงขนาดที่ว่าอาจหมดอายุขัยลงเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พวกท่านก็ใช้เวลาแต่ละวันอย่างมีความหมาย สนุกกับการฝึกฝนตัวเองไปสู่จุดหมาย แข่งกับตัวเองทุกวัน เป็นสิ่งที่คนรุ่นหลังเราน่าเรียนรู้ไว้เป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตอย่างยิ่ง

ได้ยินว่าบางคนพอได้เห็นผู้สูงวัยใช้ชีวิตอย่างกระฉับกระเฉงเช่นนี้ จากที่เคยหมดอาลัยตายอยากก็กลับมีกำลังใจ ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างคนมองโลกแง่ดีให้ได้บ้าง หวังว่าเพื่อนผู้อ่านจะได้รับแรงบันดาลใจจากพวกท่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า สวัสดีค่ะ.

https:// m.mgronline.com/japan/detail/9640000074747
#3866


ดัชนีตลาดหุ้นไทยเดือนก.ค.2564 ปิดที่ 1,521.92 จุด (30ก.ค.) ปรับตัวลดลง65.87 จุด หรือ 4.15% จากเดือนมิ.ย.2564 ที่ปิดที่ 1,579.79 จุด  ปัจจัยหลักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19ที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 17,020.08 ล้านบาท 

นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 3,555.86 ล้านบาท บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 2,912.09 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศหรือรายย่อย ซื้อสุทธิ 17,663.85 ล้านบาท

  ขณะที่ในช่วง7เดือน(ม.ค.-ก.ค.)ของปี2564 ดัชนีหุ้นไทยยังปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 72.57จุด  หรือคิดเป็น5.01% จากสิ้นปี2563 ปิดที่ 1,449.35จุด

 ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 93,282.26 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสุทธิทุกเดือน ตั้งแต่ (ม.ค.-ก.ค.)2564  นักลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 44,347.59 ล้านบาท  บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 9,460.91ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปในประเทศซื้อสุทธิ128,168.95 ล้านบาท


สำหรับแนวโน้มดัชนีหุ้นไทย วันที่ 2-6 ส.ค.2564 บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย(บล.) จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,500 และ 1,485 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,545 และ 1,555 จุด ตามลำดับ

โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมกนง. (4 ส.ค.) สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ และมาตรการในการควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/64 ของบจ.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนก.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนก.ค. ของยูโรโซน ญี่ปุ่นและจีน
#3867



"ตับ" เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีหน้าที่สำคัญหลายประการ เช่น เป็นแหล่งสะสมพลังงาน สารอาหาร และวิตามินต่างๆ ควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกาย สร้างน้ำดีเพื่อช่วยย่อยและดูดซึมอาหารประเภทไขมัน สร้างโปรตีนช่วยการแข็งตัวของเลือด นอกจากนี้ตับยังมีหน้าที่ขจัดยาหรือสารพิษออกจากร่างกาย และทำลายเชื้อโรคที่ผ่านมาทางกระแสเลือดอีกด้วย ซึ่งหากตับเกิดความผิดปกติเรื้อรัง เช่น การอักเสบหรือผังผืด ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ อาจตามมาด้วยการเป็นโรคตับแข็ง หรือตับวายเรื้อรัง และเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้

ในปัจจุบันมีการรักษาโรคตับแข็ง หรือตับวายเรื้อรัง โดยการปลูกถ่ายตับ ทำให้ผู้ป่วยสามารถหายขาดและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ซึ่งบทความ "ศุกร์สุขภาพ" สัปดาห์นี้จะกล่าวถึงเฉพาะการปลูกถ่ายตับในเด็กเท่านั้น

สาเหตุที่ทำให้เด็กต้องได้รับการปลูกถ่ายตับ

สาเหตุของ โรคตับแข็ง หรือตับวายเรื้อรัง ที่ทำให้เด็กต้องได้รับการปลูกถ่ายตับมากที่สุดคือ โรคท่อน้ำดีตีบตันแต่กำเนิด โดยเด็กจะเริ่มมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ตั้งแต่อายุ 1-2 เดือน และมีอุจจาระสีซีด แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคจากการตรวจเลือด อัลตราซาวนด์และฉีดสารทึบรังสีบริเวณท่อน้ำดี

หลังจากที่ได้รับการวินิจฉัยว่าโรคท่อน้ำดีตีบตันแต่กำเนิด คนไข้จะได้รับการผ่าตัดแก้ไขทางเดินน้ำดีก่อน ซึ่งควรทำในอายุไม่เกิน 2 เดือน จึงจะให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหากบางรายที่การผ่าตัดไม่ได้ผล หรือวินิจฉัยช้า จะส่งผลให้เด็กเป็นโรคตับแข็งตามมา และจะต้องปลูกถ่ายตับภายในอายุ 2-3 ปี ไม่เช่นนั้นเด็กจะเสียชีวิต ซึ่งในอดีตมีเด็กจำนวนหนึ่งต้องเสียชีวิตจากภาวะตับแข็ง เนื่องจากยังไม่มีการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ

ภาวะหรือโรคอื่นๆ ที่พบไม่บ่อย แต่อาจเป็นสาเหตุทำให้เด็กต้องได้รับการปลูกถ่ายตับได้ เช่น ภาวะตับวายเฉียบพลัน ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เด็กจะมาด้วยอาการตัวเหลือง ซึมลง มีเลือดออกผิดปกติ หลังจากที่ให้การรักษาแล้วยังไม่ดีขึ้น อาจจำเป็นต้องได้รับปลูกถ่ายตับ เพื่อการรักษาที่หายขาด โรคตับที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม เป็นต้น


การปลูกถ่ายตับ เป็นการผ่าตัดที่ซับซ้อน ต้องอาศัยทีมสหสาขาวิชาในการประเมินและการดูแลรักษาผู้ป่วย และผู้บริจาค อาทิ เช่น ศัลยแพทย์ปลูกถ่ายอวัยวะ กุมารศัลยแพทย์ วิสัญญีแพทย์ อายุรแพทย์และกุมารแพทย์โรคทางเดินอาหารและตับ พยาบาลประสานงาน นักสังคมสงเคราะห์ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบัน ผลลัพธ์ของการปลูกถ่ายตับในเด็กอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวสามารถกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว

ขั้นตอนการปลูกถ่ายตับเป็นอย่างไร

ตับบริจาคได้มาจากไหน?

การบริจาคตับ ได้มาจากผู้บริจาค 2 ประเภท ได้แก่ ผู้บริจาคอวัยวะสมองตาย คือผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายโดยแจ้งผ่านทางสภากาชาดไทยและมีการกระจายให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ที่ลงทะเบียนปลูกถ่ายอวัยวะไว้ตามความเหมาะสม อย่างเป็นธรรม และอีกประเภท คือ ผู้บริจาคที่มีชีวิต ซึ่งเป็นญาติทางสายเลือดกับคนไข้

ในประเทศไทยผู้บริจาคอวัยวะสมองตาย ยังมีจำนวนไม่มากนัก และขนาดของตับมักจะไม่เหมาะกับขนาดตัวของเด็ก เพราะการปลูกถ่ายตับมักจะทำในเด็กอายุประมาณ 1-2 ปี ดังนั้นการปลูกถ่ายตับเด็กในประเทศไทยส่วนมากจะใช้ตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิต ซึ่งเป็นพ่อหรือแม่ หรือญาติทางสายเลือดที่มีกรุ๊ปเลือดเข้ากันได้กับคนไข้

ใครที่บริจาคตับได้บ้าง?

ในการรับตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิต ความปลอดภัยของผู้บริจาคมีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่ง แพทย์จึงจะประเมินผู้บริจาคอย่างละเอียด โดยผู้บริจาคต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ทั้งนี้แพทย์จะประเมินความพร้อมของร่างกาย โดยการตรวจเลือด และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หลังจากนั้นจะวางแผนการผ่าตัดแบ่งตับในขนาดที่เหมาะสมกับคนไข้ และไม่เป็นอันตรายต่อตัวผู้บริจาค รวมทั้งมีจิตแพทย์ร่วมประเมินภาวะของจิตใจว่าผู้บริจาคมีความพร้อมหรือไม่ นอกจากนี้ยังต้องประเมินความพร้อมของครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยหลังจากปลูกถ่ายตับเรียบร้อยแล้ว


ระหว่างการผ่าตัด

ศัลยแพทย์จะทำการผ่าตัดเอาส่วนหนึ่งของตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิต (หรือตับทั้งหมด ในกรณีที่ได้ตับจากผู้บริจาคสมองตาย) มาใส่ให้กับผู้ป่วย โดยการนำตับเก่าของคนไข้ออก แล้วจึงผ่าตัดตับที่ได้รับบริจาคจากผู้บริจาคเข้าไปทดแทนตับเดิม โดยเย็บต่อเส้นเลือดและท่อน้ำดีเข้าด้วยกัน

สัปดาห์หน้ายังมีเรื่องราวน่ารู้ของการดูแลผู้ป่วยที่ผ่าตัดปลูกถ่ายตับเรียบร้อยแล้ว ข้อควรระวัง และสิทธิ์การผ่าตัดรักษาด้วยการปลูกถ่ายตับในเด็ก รอติดตามกันนะคะ

@@@@@@@

แหล่งข้อมูล

ผศ.พญ.ฉัตต์มณี เลิศอุดมผลวณิช ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
#3868


CYANIDE กลับมาทวงบัลลังก์ แร็พเปอร์สาวเดือดจัด ชวน SUNNYBONE และ KHUN OC แร็พทะลุปรอทในเพลง MAI CHOP

คงต้องบอกเลยว่าหลายคนรู้จัก CYANIDE จากบทบาทแร็พเปอร์สาวที่มาพร้อมกับสไตล์การแร็พที่ดุดัน ล่าสุดสาว ไนซ์ หรือไซยาไนด์ ขอกลับมาทวงบัลลังก์ในเพลง MAI CHOP feat. SUNNYBONE & KHUN OC

โดยเพลงนี้ได้ Underground Rapper ที่กำลังมาแรงอย่าง "SUNNYBONE" จากลุ่ม UDT BOY$ และแร๊พเปอร์หนุ่มจากแอตแลนตาที่สายแร็พและฮิปฮอปไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี "KHUN OC" มาร่วมสร้างความความเดือดดาลให้กับเพลงนี้ โปรดิวซ์โดย SPATCHIES โปรดิวเซอร์รุ่นใหม่ ที่เคยฝากผลงานเพลงดังให้กับ YOUNG OHM และ MILLI มาแล้ว การันตีได้เลยว่างานนี้เข้มข้นลงตัวแน่นอน


"การกลับมาครั้งนี้ เราค่อนข้างหายจากการแร็พแบบ Underground ไปนาน อยากได้ฟิลสมัยก่อนที่ทำกันเองชิลชิล เลยได้ออกมาเป็นเพลงนี้ค่ะ บอกตรงๆ เลยว่าเพลงนี้ ไม่คาดหวังอะไรเลยค่ะ แค่อยากปล่อยเพลงในการเป็นตัวของตัวเองและได้ทำงานร่วมกับศิลปินที่ตัวเองชอบ จริงๆ ตอนแรกกะว่าทำเดี่ยว แต่เราอยากได้คนมาแจมเพื่อเพิ่มสีสันให้กับเพลง ก็เลยเป็น "SUNNYBONE" กับ "KHUN OC" ค่ะ อย่าง "SUNNYBONE" เพราะชอบการแร็พและติดตามพี่เค้ามานานแล้วที่สำคัญบ้านเกิดบ้านเดียวกันด้วย ส่วน "KHUN OC" เป็นเพื่อนที่มหา'ลัยเลยอยากเอามาแจมเพิ่มสีสันให้กับเพลงค่ะ"
#3869



ก่อนจะมาเป็นนักศึกษาแพทย์ได้ยินคำพูด เช่น "เรียนแพทย์จะได้ช่วยชีวิตคน" หรือ "ตั้งใจเรียนแพทย์จะได้รักษาคนไข้ได้" ไปจนถึง "ความเป็นความตายคนไข้ขึ้นกับเรา"

นักศึกษาแพทย์ ปี 5 กมลชนก กุลชุติสิน คณะแพทยศาสตร์ ศิริราช จะค่อยๆช่วยให้พอนึกภาพออกว่ามันไม่ได้ตรงไปตรงมาอย่างที่ทุกคนคิด และลองมองไปถึงว่าเดิมคนไข้ก็มากมายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีคนไข้โควิดเพิ่มขึ้นมาอีก ล้นโรงพยาบาลทั้งประเทศ

เราจะทำได้ถึงแค่ไหนที่จะดูคนไข้ได้ทั้งคน ไม่ว่าจะเป็นโรคอะไรและไม่ได้ดูแค่ความเจ็บป่วย

ค่อยๆนึกภาพเบื้องหลังของชีวิตคนป่วยคนหนึ่งมาพบแพทย์เพราะอาการของโรคที่เกิดขึ้นและรบกวนชีวิตประจำวัน การพูดคุยกับคนไข้ การซักประวัติอาการของโรคถือเป็นการซักถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า แต่การไถ่ถามถึงเรื่องราวเบื้องหลังนั้น มีความสำคัญไม่แพ้กัน

แต่...มักจะถูกมองข้ามด้วยเวลาอันจำกัดของแพทย์


สำหรับเรื่องราวเบื้องหลังนั้นคือ การรับฟังเรื่องราวประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของคนไข้ ซึ่งบางครั้งสำคัญและอาจเป็นสาเหตุของโรคที่นำคนไข้มาพบแพทย์ เช่นในคนไข้จิตเวช จะต้องถามถึงการใช้ชีวิตที่ผ่านมา

ซึ่งอาจจะเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและยากต่อการปลอบประโลม แต่ถ้ามีเวลาการรับฟังและใส่ใจในจุดนี้ จะช่วยในความสัมพันธ์ระหว่างหมอและคนไข้อย่างมาก นำไปสู่การรักษาที่ดีขึ้นหรือคนไข้ในสาขาอื่นๆ

การรับฟังเรื่องราวเบื้องหลังอาจจะนำมาสู่การวินิจฉัยที่แม่นยำ

ก่อนมาเป็นนักศึกษาแพทย์จะนึกถึงคุณค่าในตัวตนของทุกคนเสมอ เพราะทุกคนย่อมมีคุณค่าของตัวเอง การยอมรับและเคารพในตัวตนของผู้อื่นนั้น เป็นสิ่งที่แพทย์พึงระลึกไว้เสมอ แต่การเรียนแพทย์นั้นมุ่งเน้นถึงการวินิจฉัยและรักษาโรคซึ่งซับซ้อนขึ้นทุกปีตามความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ร่วมกับเวลาอันน้อยนิด


จนบางครั้งคุณค่าในตัวตนของผู้ป่วยจึงเจือจางลงไป เช่นในวอร์ดอายุรศาสตร์มีผู้ป่วยหลายคนที่คิดว่าอาการเจ็บป่วยของเขาสร้างความลำบากแก่ครอบครัวหรือการป่วยเป็นโรครุนแรงทำให้ไม่สามารถเคลื่อนไหว ลองนึกดูว่าถ้าวันนึงไม่สามารถแม้แต่จะกินข้าวเองได้จะรู้สึกยังไง

สิ่งเหล่านี้บั่นทอนกำลังใจและคุณค่าในตัวผู้ป่วยลง จนอาจคิดว่าตนเองนั้นด้อยค่า ไม่อาจตัดสินใจในเรื่องสำคัญใดๆได้อีก

ซึ่งความจริงแล้วผู้ป่วยมีสิทธิในการตัดสินใจเรื่องการรักษา มีสิทธิที่จะเลือกชีวิตในบั้นปลายที่เหลืออยู่ และมีสิทธิที่จะให้ผู้อื่น เข้าใจและเคารพในการตัดสินใจของเขา ซึ่งแพทย์ก็ควรจะพยายามถามถึงความต้องการของผู้ป่วย เน้นว่าผู้ป่วยและไม่ใช่ถามแต่ญาติ

จากนั้นเคารพในการตัดสินใจของผู้ป่วย หรือพยายามทำตามความต้องการที่อยู่ในขอบเขตของเหตุผล เนื่องจากในบางครั้งทางเลือกที่แพทย์เห็นว่าดีหรือญาติคิดว่าดีอาจไม่ได้ดีที่สุดสำหรับคนไข้เสมอไป

นอกจากการเคารพในคุณค่าและการตัดสินใจของผู้ป่วยแล้ว การมองตัวโรคและตัวตนของผู้ป่วยแยกกัน เพราะตัวโรคอาจทำให้สภาพร่างกายและจิตใจเปลี่ยนแปลงไปมาก

สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการรักษาคือการใส่ใจคุณค่าและตัวตนเหมือนดังเช่นในยามที่มีสุขภาพร่างกายและจิตใจ
ที่แข็งแรง เพื่อการแนะนำคนไข้สู่การตัดสินใจในเรื่องต่างๆที่เหมาะสมที่สุด เพราะในช่วงเวลาคาบเกี่ยวความตาย ไม่ใช่เวลาที่จะมาตัดสินใจ

ควรที่จะคุยและตัดสินใจเรื่องสำคัญต่อการรักษาและชีวิตไว้ให้เรียบร้อยในขณะที่ยังมีเวลา เพื่อที่จะไม่ให้เป็นการตัดสินใจที่ฉุกละหุกและไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน


บ่อยครั้งไม่ได้มีการคุยเพราะเป็นเหตุฉุกเฉิน แต่บ่อยครั้งก็เป็นเพราะว่าแพทย์ไม่มีเวลา ไม่ก็ผู้ป่วยหรือญาติยังตัดสินใจไม่ได้ จะพูดถึงในกรณีที่คุยตกลงกันไว้แล้วเพราะเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย

ครั้งแรกในชีวิตของ นศพ. ที่จำได้ดี ขณะอยู่เวรที่หอผู้ป่วยหนัก พยาบาลประจำวอร์ดได้แจ้งว่าคนไข้คนหนึ่งไม่มีสัญญาณชีพ "น้อง นศพ.ช่วยไปยืนยันว่าคนไข้ไม่มีชีพจรและแจ้งพี่แพทย์ประจำบ้านด้วยนะคะ" ซึ่งคนไข้คนนั้นเป็นคนไข้ที่ทางวอร์ดได้คุยกับญาติแล้วเรื่องปฏิเสธการกู้ชีพและให้เป็นไปตามธรรมชาติ

สิ่งที่ทำคือขออนุญาตคนไข้ตรงหน้าเหมือนที่เคยทำในทุกๆครั้งและดูการตอบสนองต่อเสียงและใช้หูฟัง ฟังเสียงการเต้นของหัวใจ หน้าอกยังเคลื่อนขึ้นลงช้าๆ

เพราะเครื่องช่วยหายใจไม่ได้มีการหายใจเองและไม่มีเสียงสัญญาณชีพอื่นที่บ่งบอกถึงการมีชีวิต คนไข้เสียชีวิตแล้ว

และสิ่งที่ทำได้ในวันนั้นคือการเดินไปบอกพี่แพทย์ประจำบ้านให้ทางวอร์ดแจ้งการเสียชีวิตกับญาติคนไข้เพราะว่าดูแลคนไข้คนนี้มานาน จึงมีความผูกพัน ถึงรู้ว่าเป็นระยะสุดท้ายและเป็นตัวอย่างที่ดีของการคุยไว้ก่อนจะได้มีการวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

แต่ก็อยากให้รอดและกลับมาดีขึ้น

ฉะนั้นที่ว่าแพทย์เป็นผู้กำหนดความเป็นความตายของผู้ป่วยคงจะเป็นคำพูดที่เกินจริง เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะตัดสินใจในชีวิตของตัวเอง ยกตัวอย่างว่าถึงจะอยากมีชีวิตแต่แพทย์เป็นคนเหมือนกัน ที่ตั้งใจจะใช้ความรู้ ความสามารถเท่าที่มีเพื่อดูแลคนไข้ และจะพยายามเคารพในคุณค่าและตัวตนของทั้งญาติและคนไข้

แต่ถ้าตัวโรคได้ถึงระยะสุดท้ายแล้ว หรือระบบสาธารณสุขรวมถึงบุคลากรในนั้นได้มาถึงจุดที่ไม่ไหวแล้ว ทุกอย่างจะค่อยๆเจือจางหายไป โดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติเช่นนี้.

หมอดื้อ

https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2114195
#3870



น้ำตาล เป็นสารให้ความหวานที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้านการให้พลังงาน โดยเฉพาะน้ำตาลกลูโคสที่มีหน้าที่สำคัญในการให้พลังงานแก่สมอง ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเคมีในสมองทำให้รู้สึกสดชื่นและช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น จึงนิยมผสมน้ำตาลในเครื่องดื่ม น้ำผลไม้แทบทุกชนิด

เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มอีกชนิดที่ได้รับความนิยมในกลุ่มคนที่ใช้พลังงานมากๆ เช่น นักกีฬา หรือผู้มีอาชีพที่ต้องใช้พลังในการทำงาน เครื่องดื่มชูกำลังมีส่วนผสมหลักๆ คือ คาเฟอีน ที่ทำหน้าที่ให้ความรู้สึกสดชื่น เพิ่มเรี่ยวแรงให้กับผู้ดื่ม และน้ำตาลที่ให้พลังงาน และความสดชื่นแก่สมอง

องค์การอนามัยโลก (WHO) ให้คำแนะนำว่าใน 1 วัน เด็กและผู้ใหญ่ควรได้รับน้ำตาลไม่เกิน 25 กรัม หรือประมาณ 6 ช้อนชา ปริมาณเพียงเท่านี้ร่างกายจะนำไปใช้ประโยชน์ได้เพียงพอ และไม่ทำให้เกิดโทษ

ท่านที่ชื่นชอบการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง วันนี้สถาบันอาหารทำการสุ่มตัวอย่างเครื่องดื่มชูกำลังจำนวน 5 ตัวอย่าง จาก 5 ยี่ห้อ เพื่อนำมาวิเคราะห์หาปริมาณน้ำตาลทั้งหมด ผลการวิเคราะห์พบว่า


ตัวอย่างเครื่องดื่มชูกำลังมีปริมาณน้ำตาลทั้งหมดอยู่ในช่วง 7.74-14.04 กรัม ต่อเครื่องดื่ม 100 มิลลิลิตร

หรือหากคิดต่อเครื่องดื่มชูกำลัง 1 ขวด พบมีปริมาณน้ำตาลทั้งหมดอยู่ในช่วง 7.74-23.87 กรัมต่อขวด

ก็สูงอยู่นะ อย่าลืมว่าใน 1 วัน เราทานอาหารและเครื่องดื่มหลากหลายชนิด ที่อาจมีส่วนผสมของน้ำตาล ในปริมาณมากน้อยต่างกันอยู่แล้ว ทำให้ใน 1 วัน เราอาจได้รับน้ำตาลเกินปริมาณที่ WHO แนะนำ หากร่างกายขับออกไม่หมดจะเกิดการสะสมในร่างกาย หากสะสมมากๆ เป็นเวลานานจะส่งผลเสียในระยะยาว และอาจทำให้เกิดโรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคที่เกี่ยวกับเมตา.ิกอื่นๆได้

หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรลดการเติมน้ำตาลที่ใช้ปรุงอาหารที่ทำทานเอง การเลือกซื้อ เลือกทานอาหาร หรือเครื่องดื่มสำเร็จรูปให้ดูปริมาณน้ำตาลที่ระบุไว้บนฉลากโภชนาการเป็นหลักว่ามีเท่าใด หรือเลือกซื้อสูตรที่ระบุว่าหวานน้อย เพื่อให้ร่างกายปลอดภัยจากโรคภัยต่างๆ จะดีกว่า.

ไทยรัฐ+สถาบันอาหารโครงการอาหารปลอดภัย
https:// www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2135845
#3871



อาร์แซน เวนเกอร์ ตกเป็นข่าวอาจกลับมารับงานคุมทีมข้างสนามอีกครั้ง โดยอาจยกระดับก้าวขึ้นไปทำงานในระดับชาติเป็นครั้งแรก

กุนซือมาดนิ่งวัย 71 ปีชาวฝรั่งเศส ถึงแม้จะก้าวขึ้นไปทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงของฟีฟ่า ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาฟุตบอล หลังแยกทางจากอาร์เซนอลเมื่อปี 2018 แต่ก็ยังมีข่าวลือว่า หลายสโมสรชั้นนำของยุโรป ต่างพยายามตามจีบให้กลับมาคุมทีมอีกครั้ง

รวมถึงล่าสุด Blick สื่อชื่อดังแห่งแดนนาฬิการายงานว่า สมาคมฟุตบอลสวิตเซอร์แลนด์ เตรียมทาบทาม เวนเกอร์ ทำหน้าที่กุนซือทีมชาติคนใหม่ เพื่อแทนที่ของ วลาดิเมียร์ เพตโควิช ที่ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งหลังจบศึกฟุตบอลยูโร 2020 ก่อนย้ายไปรับงานคุมทีมบอร์กโดซ์ ในศึกลีก เอิง ของฝรั่งเศส

รายงานระบุว่า การทาบทามในครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาระยะสั้นจนถึงฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้ายที่กาตาร์เท่านั้น และการเจรจารวมถึงแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ อาจมีขึ้นในเร็วๆ นี้ ก่อนที่เกมคัดบอลโลกรอบต่อไป จะมีขึ้นในช่วงเดือนกันยายนนี้

สำหรับ อาร์แซน เวนเกอร์ ถึงแม้จะยังไม่เคยคุมทีมในระดับชาติ แต่ก็ประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่องกับสโมสรชั้นนำของยุโรปทั้ง โมนาโก และ อาร์เซนอล ในช่วงก่อนหน้านี้.

https:// www.thairath.co.th/sport/eurofootball/otherleague/2153071
#3872



โซเชียลฯ วิจารณ์ "มิ้นท์ ไอโรมอะโลน" เจ้าของเพจดังไปทำคอนเมนต์อัฟกานิสถาน ทั้งๆ ที่ประเทศอยู่ในภาวะสงคราม เจ้าตัวบอกไม่ต้องห่วง คนที่นั่นดูแลดีมาก พบเจ้าตัวตอบกวนประสาททูตไทยที่ดูแลพื้นที่ทวีปแอฟริกาอีก

วันนี้ (30 ก.ค.) ในโลกทวิตเตอร์ได้มีแฮชแท็ก #IRoamAlone วิพากษ์วิจารณ์กรณีที่ มิ้นท์ ไอโรมอะโลน หรือ น.ส.มณฑล กสานติกุล เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ I Roam Alone เดินทางไปทำคอนเทนต์ที่ประเทศอัฟกานิสถาน ปรากฎว่าเจ้าตัวโพสต์ข้อความ ระบุว่า "อัพเดท ตาลีบันโจมตีใกล้ๆ สนามบินในเมืองที่อยู่ ตอนนี้ไฟล์ทแคลเซินหมดละค่ะ พรุ่งนี้ก็ไม่รู้ยังไง น้องๆไกด์ผู้หญิงที่อยู่กับมิ้นท์กังวลมาก เพราะตาลีบันใกล้เข้ามาเเล้ว ถ้ามาเมื่อไหร่เธอบอกว่า 'ชั้นฆ่าตัวตายดีกว่า'

ไม่ต้องห่วงมิ้นท์ คนอัฟกันดูแลมิ้นท์ดีมาก นี่ก็มานอนพักเล่นอยู่บ้านแม่ของน้องโซมาย่าไกด์มิ้นท์

วันนี้คนจำนวนมากวางแผนย้ายออกแล้วนะคะ เร่งทำวีซ่ากันเยอะมาก ตลาดมืดวีซ่ามีราคาเป็นแสน เดือนหน้าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ก็มีอีกหลายคนนะที่ยืนยันว่าตาลีบันเข้ามาไม่ได้แน่ๆ และยังสบายๆ อยู่ ไม่มีอะไรคาดเดาได้เลย

คำถามที่ว่าทำไมที่นี่เป็นประเทศที่คนมีความสุขน้อย ก็เป็นเพราะมันไม่มีความปลอดภัย ชีวิตไม่แน่นอน มีสงครามที่เกิดขึ้นตลอดเวลา อาชีพไม่มี เศรษฐกิจไม่ดี รัฐบาลคอรัปชั่น และมีการแทรกแซงจากต่างประเทศโดยตลอด....

แค่คนไม่กี่คนที่ต้องการอำนาจ ทำชีวิตคนมากมายพังทลาย"

ต่อมา เจ้าตัวโพสต์ข้อความ ระบุว่า "อัพเดท ตอนนี้ได้ติดต่อกับเพื่อนในสถานทูตอัฟกานิสถานให้เขาเช็คสถานการณ์ให้แล้ว บอกว่าไม่มีอะไรต้องห่วง ไม่มีอะไรรุนแรง และอีก 2-3 วันเครื่องบินจะกลับมาบินตามปกติ ในเมืองทุกอย่างยังโอเคนะคะ สงบกริ๊บ

ตอนนี้มีติดต่อคนรู้จักที่จะช่วยเราได้หากเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นจริงๆไว้แล้ว แต่เขาเองก็บอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวล ยังทรงๆอีกซักพัก ไกด์คนที่ทำงานด้วยก็ทำงานกับหลายคนที่มิ้นท์รู้จักและไว้ใจได้ ส่วนแม่ตอนโทรไปหา แม่ก็เล่าข่าวให้ฟังตามปกติ ไม่ได้ตกใจอะไร ไว้ใจลูกสาวมากๆ

ต้องขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ เมื่อวานตกใจนิดหน่อยเหมือนกัน เพราะโซมาย่าเองตกใจ แต่พอเริ่มเช็คข่าวได้ก็เลยทราบว่ายังไม่มีอะไรรุนแรง

สถานการณ์ปัจจุบันสำหรับมิ้นท์ยังไม่น่ากลัว แต่คนที่มิ้นท์ห่วงจริงๆคือคนที่นี่ โดยเฉพาะไกด์สาวๆของมิ้นท์ ที่เขาก็ไม่อยากอยู่กันแล้ว แต่การย้ายมันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น

หลายคนถามมาว่าทำไมถึงเสี่ยงไปอัฟกานิสถาน?

เพราะเวลานี้การมาที่นี่ยังไม่เสี่ยงขนาดนั้น ก่อนจะมามิ้นท์ทำการบ้านมาดีมากเลย เช็คข่าว เช็คคนท้องถิ่น เช็คนักเดินทางที่เพิ่งกลับ ทุกคนบอกว่ายังมาได้ เลยตัดสินใจมา ถ้ามาไม่ได้ก็คงไม่มา

จริงๆ ทุกครั้งที่เดินทาง มันไม่ใช่การตัดสินใจไปปุบปับ ทุกครั้งมันผ่านกระบวนการคิด การทำการบ้านมาอย่างดีที่สุดแล้ว หาข้อมูลแล้ว ประเมินความเสี่ยง เช็คสิ่งที่ต้องเช็ค และคุยกับคนที่ต้องคุยแล้ว

ดังนั้นเหตุการณ์ที่อัฟกานิสถานครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจมาก อาจจะตกใจนิดหน่อยที่ไฟล์ทถูกแคลเซินและที่โซมาย่าตกใจมากๆ แต่พอเช็คข่าวกับคนที่เรารู้จักแล้วก็รู้ว่ายังไม่มีอะไรน่าห่วง

มิ้นท์ขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เป็นห่วง และขอบคุณทุกคนมากๆจริงๆ

อัฟกานิสถานฟังดูน่ากลัวสำหรับหลายคน แต่คนรอบตัวมิ้นท์ก็มีเดินทางมากันตลอด คงเป็นเพราะแต่ละคนมีการจัดการและประเมินความเสี่ยงที่ต่างกันตามประสบการณ์ที่มี

มิ้นท์พูดเสมอโดยเฉพาะกับคนที่อยากเดินทางตามเราว่า การเดินทางก็เหมือนการเรียนมันต้องค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากไปแบบอนุบาลก่อน สอบผ่านแล้วก็ไปประถม มัธยม ปลดล๊อคค่าประสบการณ์ไปเรื่อยๆ เป็นแบบนี้กับการทำงานด้วยเนอะ มันเป็นการสะสมสกิลค่ะ

จนถึงวันนี้มิ้นท์เดินทางคนเดียวมา 10 ปีแล้ว จากประเทศง่ายๆ ค่อยๆเพิ่มความยากไปทีละนิด อย่างอินเดียมิ้นท์ไปกับน้องช่างภาพก่อน 2 ครั้ง จนรู้สึกมั่นใจเลยกล้าตัดสินใจไปคนเดียว และตอนนี้ก็ไปคนเดียวมาหลายครั้ง

กว่าจะมาถึงอัฟกานิสถาน เราเดินทางผ่านมาหลายประเทศที่ทุกคนฟังแล้วส่ายหน้า จะโคลอมเบีย เวเนซุเอลา คองโก ซูดาน และอีกมากมาย ฟังดูน่ากลัวจากข่าวสารด้านนอกเสมอแต่พอได้ไปจริงๆทุกครั้งมันก็ไม่เป็นแบบในข่าวเลย เพราะทุกครั้งเราทำการบ้านอย่างดี และไปอย่างมีสติเสมอ

อัฟากานิสถานปัจจุบันก็เช่นกัน ในเมืองยังโอเคมากๆ อาจจะมีขลุกขลักบ้าง แต่สถานการณ์โดยรวมช่วงนี้ยังมาได้ และคนกลับมาเยี่ยมบ้านกันเยอะเลย

จริงๆทุกที่และทุกสิ่งเกิดอันตรายได้เสมอถ้าเราไม่พร้อมและไม่มีสติ

เราไม่เคยดื้อ ทำอะไรห่ามๆ หรือทำสิ่งที่จะทำให้คนอื่นและตัวเองตกอยู่ในอันตราย และแม่ก็รู้เรื่องนี้ดี

ส่วนถ้าถามว่าแม่ไม่ห่วงบ้างหรอ ทำไมทำอะไรไม่คิดถึงที่บ้าน?

แม่พูดตลอดว่าแม่เป็นห่วงมิ้นท์เสมอ อยู่กรุงเทพก็ยังห่วง แต่ในความเป็นห่วงแม่ก็สนับสนุนให้เราได้ทำสิ่งที่ชอบ ไม่อย่างนั้นวันนี้ก็ไม่มี I Roam Alone

ความรักของแม่ คือ ความรักที่ต้องปล่อย ไม่ใช่ความรักที่เก็บเขาเอาไว้ หรือใช้ความห่วงเป็นโซ่คล้องไม่ให้เขาไปไหน ที่แม่ทำได้ คือ ให้อาวุธลูกไว้ดูแลตัวเอง เพราะยังไงซะแม่ก็ไม่สามารถปกป้องลูกได้ตลอดชีวิต

และแม่ก็ทำแบบนั้นจริงๆ

แม่ค่อยๆให้มิ้นท์เริ่มเดินทางตั้งแต่เด็ก ค่อยๆสอน ให้เราปรับตัว ให้เราค่อยๆเจอปัญหา โดยแม่ก็คอยมองดูและคอยรับโทรศัพท์ตลอด จนเขารู้ว่าเราไหว ไว้ใจว่าเราเอาตัวรอดได้และจะไม่ทำสิ่งที่จะทำให้ตัวเองเป็นอันตรายแน่นอน

ดังนั้นวันนี้พอโทรบอกแม่ว่า 'สถานการณ์โอเค ไม่ต้องห่วง' เท่านี้แม่ก็โอเค ส่วนอาม่าถ้าแม่บอกว่าโอเค อาม่าก็โอเค

ระหว่างมิ้นท์ แม่ และอาม่า มันคือความไว้ใจและความเชื่อใจที่มีต่อกันมาโดยตลอด เรารู้ว่าอีกฝ่ายตัดสินใจดีแล้ว คิดมาดีที่สุดแล้ว นี่คือความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดในชีวิตมิ้นท์เลยนะ เป็นความโชคดีที่เรามีแม่ที่เข้าใจและเคียงข้างทุกการตัดสินใจเสมอ

ไว้รอมาฟังเรื่องเล่าที่อัฟกานิสถานของมิ้นท์ดีกว่า ประเทศนี้ติดอันดับประเทศในดวงใจแล้วค่ะ ในประเทศแบบนี้แหละ ที่เราจะได้เจอมิตรภาพ เรื่องราวและประสบการณ์ที่ทำให้การเดินทางมีความหมาย

ป.ล. ชุดแต่งงานที่นี่หวานมากๆ สถานที่แต่งงานอลังการ คนเป็นพันเลยค่ะ

อย่างไรก็ตาม ในทวิตเตอร์ได้วิจารณ์มิ้นท์ไปในทางที่หลากหลาย บ้างก็สงสัยว่าไปประเทศอัฟกานิสถานทำไม ทั้งๆ ที่ในขณะนี้อยู่ในภาวะสงคราม เสี่ยงอันตรายต่อการถูกจับเรียกค่าไถ่ เหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับชาวญี่ปุ่น บางคนแนะว่าถ้าจะทำคอนเทนต์ที่สื่อถึงความยากลำบาก ให้กลับมาทำประเทศตัวเอง ที่ในขณะนี้ลำบากไม่แพ้กัน

นอกจากนี้ ในโซเชียลฯ ยังวิจารณ์กรณีที่นายจุฑา เสาวภา เลขานุการโท สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา ถามมิ้นท์ว่า "ติดต่อสถานทูตอัฟกานิสถานคืออะไรนะครับ สถานทูตไทยไม่มีที่อัฟกานิสถานนะครับ หรือสถานทูตไทยที่อื่นที่ดูแลคนไทยในอัฟกานิสถาน หรือสถานทูตอัฟกานิสถานในต่างประเทศ" ปรากฎว่า มิ้นท์ตอบไปว่า "สถานทูตอัฟกานิสถานในต่างประเทศที่เช็กข่าวได้ค่ะ จะติดต่อสถานทูตไทยทำไมคะ" โดยวิจารณ์ว่าเจ้าตัวไปกวนประสาททูตไทยที่ดูแลพื้นที่ทวีปแอฟริกา
#3873



นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ โฆษกคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (บอร์ดแข่งขันทางการค้า) เปิดเผยว่า หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) ได้เปิดการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างประกาศแนวทางในการพิจารณากำหนดมาตรฐานระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า (Credit term) สืบเนื่องมาจากปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่กับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในช่วงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ล่าสุด สขค. ได้ออกประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง แนวทางพิจารณาการปฏิบัติทางการค้าที่เป็นธรรมเกี่ยวกับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้า กรณีผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เป็นผู้ขายสินค้าหรือบริการ โดยจะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันถัดจากวันประกาศในประกาศราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ ในวันที่ 16 ธ.ค.2564

สำหรับสาระสำคัญของประกาศดังกล่าวครอบคลุมประเด็นทั้งในด้านเนื้อหาและกระบวนการ ตั้งแต่นิยามของผู้ประกอบธุรกิจ SMEs นิยามสินเชื่อการค้า พร้อมทั้งกำหนดระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าสำหรับภาคการค้า การผลิต และภาคบริการ ไว้ไม่เกิน 45 วัน   โดยในส่วนของภาคการเกษตรหรือผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแปรรูปขั้นต้นที่มีกระบวนการผลิตไม่ซับซ้อน กำหนดไว้ไม่เกิน 30 วัน หรืออาจมีการกำหนดระยะเวลาเป็นระยะเวลาอื่นได้ แต่ต้องมีเหตุผลอันสมควรที่สามารถรับฟังได้

รวมถึงกำหนดให้มีการแสดงขั้นตอนการจ่ายเงินตามแนวทางการค้าปกติให้ชัดเจนระหว่างผู้ประกอบธุรกิจซึ่งเป็นคู่ค้ากับ SMEs รวมทั้ง SMEs ต้องแสดงเอกสารหลักฐานแสดงจำนวนการจ้างงาน  เอกสารแสดงรายได้เพื่อยืนยันสถานะการเป็นผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้คู่ค้าทราบ

นอกจากนี้ ยังกำหนดประเด็นเรื่องการนับระยะเวลาการให้สินเชื่อการค้าที่จะต้องเริ่มต้นนับตั้งแต่วันส่งมอบสินค้าหรือให้บริการที่มีความถูกต้องครบถ้วน หรือในกรณีฝากขาย (Consignment) ต้องนับระยะเวลาตั้งแต่วันที่ขายสินค้าครบตามจำนวนหรืออัตราที่ตกลงกัน ซึ่งหากผู้ประกอบธุรกิจมีพฤติกรรมทางการค้าที่เข้าข่ายเป็นการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2560 จะมีโทษความผิดทางปกครองในอัตราค่าปรับไม่เกิน 10 % ของรายได้ในปีที่กระทำความผิด


ทั้งนี้การออกประกาศแนวทางดังกล่าว มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19  โดยคำนึงถึงการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นการใช้อำนาจต่อรองที่เหนือกว่า ถือเป็นอีกหนึ่งกลไกที่จะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ SMEs และผู้ประกอบธุรกิจขนาดใหญ่ อันนำไปสู่การสร้างความสมดุลในการดำเนินธุรกิจ และเป็นการสร้างบรรทัดฐานในการปฏิบัติทางการค้าที่ชัดเจนและเป็นธรรม อีกทั้งยังช่วยให้กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ได้มีโอกาสในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ประกอบธุรกิจรายใหญ่ได้อย่างเท่าเทียม นับเป็นการเพิ่มโอกาสในการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบธุรกิจรายใหม่ต่อไป
#3874
ไอดินไทย เครื่องประดับดินปั้น ด้วยอินสไปเรชั่นทำเครื่องประดับดินปั้นมาจากความชื่นชมที่มีต่อละครมนต์รักลูกทุ่งและแฟชั่นการแต่งกายยุคนั้น





ทำให้คุณพัชร์ชิสา ไชยวีรวัฒน์ เกิดแนวคิดสำหรับการทำเครื่องประดับร่วมกับการเล่าเรียนปั้นดินไทยของชุมชนระแหง จังหวัดตาก กระทั่งเกิดเป็นเครื่องประดับดินปั้นที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วมากยิ่งกว่า 10 ปี





ซึ่งตัววัสดุนั้นเป็นดินไทยที่ผสมกับดินท้องถิ่นของจังหวัดตาก มีความงามผสมความเป็นไทย สีสันสดใส ความเป็นธรรมชาติรวมทั้งนอกจากนี้ทุกผลิตภัณฑ์มีรอยนิ้วมือจากการปั้น โดยไม่ใช้เครื่องจักร บ่งบอกถึงงานฝีมืออย่างแท้จริง



 
 
#3875



เมื่อเร็วๆนี้บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ได้เปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน G-Cell โดยใช้เทคโนโลยี SemiSolid แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia) ด้วยกำลังการผลิตเริ่มต้น 30 MWh (เมกะวัตต์ชั่วโมง) ต่อปี ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง

โดยโรงงานแบตเตอรี่แห่งนี้ ถือเป็นแห่งแรกของประเทศไทย และแห่งแรกในภูมิภาคเอเชียฯ กำลังการผลิต 30 เมกะวัตต์ชั่วโมง(MW) ด้วยทุน 1,100 ล้านบาท และในอนาคตจะขยายขึ้นเป็น 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง(GWh) ต่อปี ตามเป้าหมายของ GPSC ที่จะมีกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน อยู่ที่ 8,000 เมกะวัตต์ 

ภายในปี 2573 ตามนโยบายของบริษัทแม่ คือ ปตท. ซึ่งคาดหวังว่า โรงงานแห่งนี้ จะเป็นการสร้างความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไทยมุ่งสู่พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมใหม่ในอนาคต และสนับสนุนการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) ตามเป้าหมายของรัฐบาล
#3876



ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยแพร่ รายงานการลงทุนทางตรงในต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนใน SET และ mai ปี 2563 ว่า ณ สิ้นปี 2563 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ที่มีสถานะการลงทุนในต่างประเทศมีจำนวนรวม 278 บริษัท มีจำนวนเท่ากับปีก่อนหน้า และคิดเป็น 37% ของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในปี 2563

ทั้งนี้เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET จำนวน 251 บริษัท และเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 27 บริษัท ในจำนวนดังกล่าวเป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมการบริการ (Services) มากที่สุด และภูมิภาคที่มีจำนวนบริษัทที่มีสถานะการลงทุนต่างประเทศในภาพรวมสูงสุดคือภูมิภาคอาเซียน โดยลงทุนมากที่สุดในประเทศเวียดนาม สิงคโปร์ และเมียนมา ตามลำดับ

มูลค่าจากกิจกรรมการลงทุนทางตรงในต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ที่เกิดขึ้นในปี 2563 รวม 1.39 แสนล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 1.56 แสนล้านบาท หรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 53 ในจำนวนนี้เป็นมูลค่าการลงทุนจากบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ SET รวม 1.37 แสนล้านบาท และเป็นมูลค่าการลงทุนจากบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ mai รวม 2 พันล้านบาท โดยรวมสัดส่วนการลงทุนทางตรงในต่างประเทศของทั้งสองตลาดคิดเป็นร้อยละ 9 ของมูลค่าเงินลงทุนของบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในปี 2563

มูลค่าเงินลงทุนทางตรงในต่างประเทศปี 2563 ส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมการลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกในตลาดหลักทรัพย์ SET คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1.13 แสนล้านบาท และภูมิภาคที่เป็นเป้าหมายการลงทุนมากที่สุดคือกลุ่มประเทศอาเซียน คิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนประมาณ 1.32 แสนล้านบาท หรือราวร้อยละ 95 ของมูลค่าเงินลงทุนทางตรงในต่างประเทศปี 2563 ซึ่งประเทศที่มีมูลค่าเงินลงทุนมากที่สุดคือ อินโดนีเซีย จากธุรกรรมการเข้าซื้อกิจการ PT Bank Permata ด้วยมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท


รายได้จากต่างประเทศของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai ปี 2563 มีมูลค่ารวม 2.96 ล้านล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าลดลงประมาณ 5 หมื่นล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 1.7 จากปีก่อนหน้า เมื่อเทียบกับมูลค่ารายได้โดยรวมของบริษัทจดทะเบียน สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศคิดเป็นประมาณร้อยละ 26 โดยรายได้จากต่างประเทศส่วนใหญ่มากจากบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET มูลค่าประมาณ 2.94 ล้านล้านบาท

รายได้จากต่างประเทศในปี 2563 ของกลุ่มบริษัทที่มีขนาดใหญ่ 50 อันดับแรกของตลาดหลักทรัพย์ SET มีมูลค่า 2.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 67 ของรายได้จากต่างประเทศทั้งหมดในปี 2563 และเมื่อพิจารณาตามภูมิภาคที่มาของรายได้ พบว่าบริษัทกว่าครึ่งไม่ระบุที่มาของแหล่งรายได้ให้ชัดเจน ทำให้รายได้มูลค่าราว 1.85 ล้านล้านบาท หรือ ร้อยละ 60 ของรายได้รวม ไม่สามารถระบุภูมิหภาคหรือประเทศแหล่งที่มาของรายได้ได้

แต่หากพิจารณาราเฉพาะข้อมูลที่มีรายละเอียดแหล่งที่มาของรายได้ พบว่ากลุ่มประเทศอาเซียนเป็นภูมิภาคที่บริษัทมีรายได้มากที่สุด คิดเป็น 4.86 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.6 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 3 จากปีก่อนหน้า โดยประเทศที่สร้างรายได้สูงสุดคือประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และประเทศสิงคโปร์ ตามลำดับ
#3877



วันนี้ (27 ก.ค.) ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีผ่านระบบ Video Conference ณ ห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พิจารณาอนุมัติ แนวทางการช่วยเหลือผู้ปกครองและนักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด โดยเฉพาะมาตรการจ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการเรียนให้นักเรียน-ผู้ปกครอง รายละ 2,000 บาท วงเงินงบประมาณ 23,000 ล้านบาท สำหรับนักเรียนในระบบการศึกษาไทย ภาคเรียนที่ 1 ปี การศึกษา 2564 ดังนี้

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่เสนอมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครองและนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาภาครัฐ กรอบวงเงิน10,000 ล้านบาท

โดยจะลด ค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมการศึกษาสูงสุดถึงร้อยละ 50 ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณให้ร้อยละ 60 และสถาบันอุดมศึกษาสมทบอีกร้อยละ 40 

ขณะที่ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน รัฐบาลจะสนับสนุนลดค่าเล่าเรียนค่าธรรมเนียมการศึกษาคนละ 5,000 บาท และให้ทางสถาบันอุดมศึกษาเอกชนพิจารณาลดค่าเล่าเรียนเพิ่มเติม ตลอดจนการสนับสนุนมาตรการอื่นๆ ให้กับนักศึกษา อาทิ การขยายเวลาผ่อนชำระค่าเล่าเรียน การจัดหาอุปกรณ์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับนักศึกษายืมเพื่อใช้ในศึกษาออนไลน์  
#3878


 
 
โควิด ระลอกล่าสุด กดราคาอสังหาฯ ต่ำสุด โอกาส เอเจนซี่ มองตลาดอสังหาฯ ในไตรมาส 2 ปี 2565 จะเริ่มมีโอกาสฟื้นตัว หากการกระจายวัคซีนครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมสวนกระแส เปิดตัว LEASEBACK PROGRAM  ชี้เป็นโอกาสของนักลงทุน เลือกช้อปของดี โดยเน้นทำเลศักยภาพที่มีดีมานด์ซื้อและปล่อยเช่าสูงเข้าพอร์ต โดยเฉพาะโครงการที่ได้รับผลตอบแทนที่แน่นอน เพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุนและหวังผลตอบแทนได้ในระยะยาว
 
นายภัทรภูริต รุ่งจตุรภัทร กรรมการผู้จัดการ บริษัท โอกาส เอเจนซี่ จำกัด ที่ปรึกษาการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และผู้บริหารการปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์วิถีใหม่ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในรอบ 1 ปี นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จนมาถึงการแพร่ระบาดในระลอกล่าสุด พบว่า ผู้บริโภคยังมีความต้องการลงทุนเป็นจำนวนมาก เพียงแต่ที่ผ่านมายังคงชะลอการใช้จ่ายเพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และรอจังหวะที่วิกฤตเริ่มคลี่คลายลง โดยคาดการณ์ว่าตลาดอสังหาฯ ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2565 จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง หากการระดมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 สามารถกระจายครอบคลุมทั่วประเทศได้
 
พร้อมกันนั้น ประเมินราคาอสังหาฯ ภายหลังโควิด-19 แพร่ระบาดระลอกล่าสุด ได้ปรับลดลงจนถึงจุดต่ำสุดแล้ว จึงมองเป็นโอกาสทองของนักลงทุนและผู้ซื้อที่มีความพร้อม เพื่อหวังต่อยอดการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะโครงการที่อยู่อาศัยในทำเลศักยภาพที่มีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นทำเลตามแนวรถไฟฟ้า หรือ แม้แต่ทำเลย่านธุรกิจ ฯลฯ รวมถึงทำเลที่มีดีมานด์ซื้อและปล่อยเช่าสูง เช่น สุขุมวิท ทองหล่อ อโศก พระราม 9 เป็นต้น
 
ทั้งนี้ โอกาส เอเจนซี่ (OKAS Agency) ในฐานะผู้บริหารการปล่อยเช่าอสังหาฯ วิถีใหม่ ที่มุ่งเน้นดูแล และบริหารการปล่อยเช่าให้กับนักลงทุนแบบ 360 องศา ตัวแทนขายโครงการอสังหาฯ เพื่อการลงทุน (Investment Property) หรือ IP ในรูปแบบของ Branded Residence ของบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) ขอแนะนำโครงการคุณภาพที่น่าลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 ซึ่งทุกโครงการ มีจุดเด่นโดยตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพที่สามารถขายต่อ หรือ ปล่อยเช่าได้ราคาดี อยู่ใจกลางเมืองและใกล้รถไฟฟ้า พร้อมครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลาย และรับการบริการและการจัดการในรูปแบบโรงแรม ในราคาที่จับต้องได้
 
นำเสนอโครงการ CASSIA RESIDENCES RAMA 9 BANGKOK และเปิดตัวแพ็คเกจสำหรับนักลงทุน LEASEBACK PACKAGE ที่ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสูงสุดปีละ 6% ต่อเนื่องตลอด 10 ปี โดย OKAS Agency พร้อมสิทธิพิเศษสำหรับนักลงทุน ได้แก่ สิทธิ์เข้าพัก 15 คืนต่อปี และสิทธิประโยชน์ Sanctuary Club จาก CASSIA By Banyan Tree เริ่มเพียง 4.29 ลบ.
 
สำหรับโครงการ CASSIA RESIDENCES RAMA 9 BANGKOK เป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับพรีเมียม บริหารใน รูปแบบโรงแรม Branded Residence ภายใต้แบรนด์ CASSIA By Banyan Tree ตั้งอยู่ในทำเลเศรษฐกิจ "พระราม 9"  การเดินทางสะดวก เพียง 1 นาที จากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน รฟม. รูปแบบห้องแบบ Duplex ทั้งโครงการ โดยในโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง Co-working space, Meeting Room, Kid room, Gym และ Sky bar   
#3879


"ทานตะวันสีเพลิง" ละครโรแมนติกครบรสของค่ายปภัสราโปรดักชั่น ที่ผู้จัดฯ คนเก่ง กบ-ปภัสรา เตชะไพบูลย์ คัดสรรและเจียระไนให้ละครเรื่องนี้สนุกสนาน ครบรส และยังสะท้อนถึงปัญหาสังคมครอบครัวได้เป็นอย่างดี!!!


นอกจากนำเสนอในเรื่องปัญหาครอบครัวแล้ว ยังนำเสนอเรื่องราวของความอิจฉาริษยา การเลือกทางเดินผิดผ่านตัวละคร ดวงแก้ว (อิงฟ้า เกตุคำ) ลูกสาว ป้าศรี (ปนัดดา โกมารทัต) แม่ครัวของรีสอร์ตทานตะวัน ที่อิจฉาเจ้าของรีสอร์ตอย่าง ทานตะวัน (ชิงชิง คริษฐา) อยากมีชีวิตเทียบเท่าจนไม่คิดถึงความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่ง "ฆ่า" ผู้มีพระคุณ!!!


แต่ชีวิตไม่เป็นดังหวัง ด้วยความรักและความหึงหวง ทำให้ ดวงแก้ว ต้องถูกทำร้ายจาก ทัพไท (บิ๊ก กฤษฏา) ผู้ชายที่เธอคิดว่าจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอดีขึ้น แต่เธอกลับเป็นได้แค่เพียง "แต้มหนึ่ง" ของเขาเท่านั้น


เรื่องราวดำเนินตอนที่ ดวงแก้ว แกล้งทำอาหารหกใส่ สายขวัญ (สกาย มาเรีย) และ สายขวัญ รู้ความจริงว่า ดวงแก้ว เป็นผู้หญิงของ ทัพไท (บิ๊ก กฤษฏา) ด้วยเหตุนี้ ทัพไท จึงทำร้าย ดวงแก้ว อย่างหนัก เพราะทำให้ผู้หญิงที่ตนหมายปองต้องหลุดมือไป


ฉากนี้ทีมงานใช้โลเกชั่น "วู้ดแลนด์เมืองไม้" จ.นครปฐม เป็นสถานที่ถ่ายทำ โดยเซ็ทฉากที่ ทัพไท จิกหัว ดวงแก้ว มาที่หน้าห้อง และต่อว่าที่ทำให้ สายขวัญ หลุดมือ โดยมี ป้าศรี เดินตามมาจะช่วยลูก พร้อมด้วย สิงห์ (จุ๊บ อิทธิกร) และ เดือน (ปิยา พงศ์กุลภา) ผู้หญิงอีกคนของทัพไท แล้ว ทัพไท ก็พา ดวงแก้ว เข้าไปซ้อมในห้องอย่างโหดเหี้ยม


ผู้กำกับฯ จารึก สงวนพงศ์ ขอซ้อมคิวนักแสดงและคิวกล้องไปพร้อมๆ กัน หลังจากต่อบทกันเสร็จเรียบร้อย พอทุกอย่างพร้อม กล้องก็แพลนภาพแรกมาที่ หนุ่มบิ๊ก กำลังจิกหัวลาก อิงฟ้า มาหน้าห้อง จากนั้นนักแสดงก็ต่อไดอะล็อกกันไป จนถึง หนุ่มบิ๊ก พา อิงฟ้า เข้าห้อง และส่งเสียงประหนึ่งว่ากำลังทำร้าย ส่วน อิงฟ้า ก็ร้องด้วยอาการของคนที่กำลังเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส โดยจบภาพที่ อิงฟ้า ที่บอบช้ำ เลือดกบปาก อยู่ในอ้อมกอดแม่ของเธอ!!!

ติดตามชมฉากนี้ได้ในละคร "ทานตะวันสีเพลิง" วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม 2564 และทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 18.45 น. และรีรันหลังเที่ยงคืน ทางช่อง 7HD กด 35 หรือรับชมย้อนหลังได้ทาง BUGABOO.TV
#3880


ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์รายงานดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนา ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ไตรมาส 2 ปี2564 มีค่าดัชนีเท่ากับ 332.8 จุด เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.8เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY)แต่ก็เป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง หากดูค่าเฉลี่ยอัตราขยายตัวย้อนหลังไป 5 ปี ตั้งแต่ปี 2559 ถึงปี 2563 พบว่าดัชนีราคาที่ดินเปล่าในแต่ละไตรมาสเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 17.7ต่อไตรมาสเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY)

ดร.วิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าจากการจัดทำรายงานดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาและติดตามความเคลื่อนไหวของราคามาอย่างต่อเนื่องศูนย์ข้อมูลฯมีข้อสังเกตว่าแม้ว่าราคาที่ดินยังเพิ่มขึ้นแต่เป็นอัตราการขยายตัวของดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีของอัตราการขยายตัวของดัชนีราคาที่ดิน ซึ่งต่อเนื่องกันรวม 3 ไตรมาสแล้วนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2563 ที่มีการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19ต่อเนื่องมาจนถึงไตรมาส 2 ปี 2564 โดยเห็นได้ว่าราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลยังคงเพิ่มขึ้นแบบชะลอตัวลงแสดงให้เห็นถึงเจ้าของที่ดินส่วนหนึ่งที่ได้รับผลกระทบน้อยจากการระบาดของไวรัส COVID-19 อาจมีการถือครองที่ดินต่อไปเพื่อรอให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นและอาจมีเจ้าของที่ดินอีกส่วนหนึ่งที่ได้ขายที่ดินในช่วงนี้ประกอบกับความต้องการซื้อที่ดินอาจน้อยลงด้วยจึงทำให้ราคาที่ดินปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนัก อย่างไรก็ตามในระยะต่อไปหากเจ้าของที่ดินมีความต้องการระบายที่ดินมากขึ้นก็อาจส่งผลให้อัตราการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ที่จะยังคงชะลอตัวลงต่อเนื่องในระยะเวลาต่อไป

 

ทั้งนี้ จากรายงานพบว่าในไตรมาส 2 ปี 2564ราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในทำเลที่มีเส้นทางรถไฟฟ้าผ่าน 5 อันดับแรกที่มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นสูงสุด คือ อันดับ 1 ได้แก่ สายสีน้ำเงิน (บางแค-พุทธมณฑล สาย 4)

 

ซึ่งเป็นโครงการที่มีแผนจะก่อสร้างในอนาคตโดยเป็นที่ดินโซนตะวันตกของกรุงเทพมหานครมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.4เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่าราคาที่ดินที่รถไฟฟ้าผ่านในเขตหนองแขม และบางแคเป็นบริเวณที่ราคาเพิ่มขึ้นมาก โดยที่ดินในบริเวณนี้มีราคาเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันมา 3 ไตรมาสแล้ว

 

ทั้งนี้ราคาที่ดินที่เปลี่ยนเปลงในพื้นที่ดังกล่าวเป็นผลต่อเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของราคาที่ดินในบริเวณแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค)ที่เปิดให้บริการแล้ว

 

อันดับ 2 ได้แก่ สายสีทอง (ธนบุรี-ประชาธิปก) และ สายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางแค) ซึ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วส่วน รวมถึง สายสีส้ม(ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) เป็นโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และ สายสีส้ม(ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) เป็นโครงการที่มีแผนจะก่อสร้างในอนาคต โดยทั้ง 4 โครงการมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ราคาที่ดินที่รถไฟฟ้าผ่านในเขตบางกอกใหญ่ คลองสาน พระนคร ห้วยขวางและบางกะปิ เป็นบริเวณที่ราคาเพิ่มขึ้นมาก ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่า ที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายสีทอง (ธนบุรี-ประชาธิปก)ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อปลายปี 2563 มีการปรับเพิ่มขึ้นเป็นอันดับ 2 ติดต่อกันมา 2 ไตรมาสแล้ว

 

อันดับ 3 ได้แก่ MRT ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้วมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.1เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ราคาที่ดินที่รถไฟฟ้าผ่านในเขตบางซื่อ และจตุจักรเป็นบริเวณที่ราคาเพิ่มขึ้นมากมาอย่างต่อเนื่อง

 

อันดับ 4 ได้แก่ สายสีแดงเข้ม (บางซื่อ-หัวลำโพง)ซึ่งเป็นโครงการที่มีแผนจะก่อสร้างในอนาคต มีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.0เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ราคาที่ดินที่รถไฟฟ้าผ่านในเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายเป็นบริเวณที่ราคาเพิ่มขึ้นมากมาอย่างต่อเนื่องและ อันดับ 5 ได้แก่ BTS สายสุขุมวิท ซึ่งเป็นโครงการที่เปิดให้บริการแล้วมีอัตราการขยายตัวของราคาที่ดินเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.0เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน (YoY) พบว่า ราคาที่ดินที่รถไฟฟ้าผ่านในเขตคลองเตย บางนา และพระโขนงเป็นบริเวณที่ราคาเพิ่มขึ้นมากมาอย่างต่อเนื่อง