• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - Panitsupa

#8311
สำนักพรเทวะ ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์
สนใจติดต่อ
อ.ทองเอก พรเทวะ
โทร 0846623662
Line : teerapat999 
#8314


นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ภายหลังตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดรับฟังความเห็นหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการระดมทุนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และตลาดรองสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME Board) รวมถึงการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมสำหรับการเข้าจดทะเบียนใน SME Board เมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยตลท.จะเสนอให้คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ รับทราบต่อไป

สำหรับตลาดรองที่จะเปิดให้ SME ระดมทุนจะใช้ชื่อว่า "LiVE Lottovip Exchange" โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ก.ย.นี้เพื่อให้ธุรกิจและนักลงทุนที่สนใจได้สอบถามรายละเอียดการระดมทุน ขณะที่ปัจจุบันมีกลุ่มธุรกิจที่มีความพร้อมจะเข้ามาระมทุนแล้วประมาณ 30 บริษัท ซึ่งเป็นกลุ่ม SME ที่เข้าร่วมหลักสูตรกับ"Scaling Up Platform" ซึ่งเป็นความร่วมมือของตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตรที่ต้องการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุน


โดยตลท.ตั้งเป้าหมายให้ธุรกิจ SME เข้ามาระดมทุนได้จริงบนกระดานดังกล่าวอย่างเร็วภายในปี 2564 และอย่างช้าในต้นปี 2565 ซึ่งธุรกิจที่เข้าระดมทุนก่อนสิ้นปี 2566 จะได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมต่างๆ ไปอีก 3 ปีภายหลังเข้าระดมทุน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างรอกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้ออกมามีผลบังคับใช้ก่อน จึงจะเปิดให้ธุรกิจเข้ามายื่นแบบแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง)

อย่างไรก็ดี ระยะเวลาในการพิจารณาแบบไฟลิ่งจะสั้นกว่าธุรกิจที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET และ mai เนื่องจากเอกสารมีความซับซ้อนน้อยกว่า แต่จะเปิดให้นักลงทุนที่สนใจสอบถามรายละเอียดกับบริษัทอีกราว 1 เดือนก่อนเข้าระดมทุน ทั้งนี้ นักลงทุนใน SME Board จะต้องเป็นนักลงทุนที่มีความรู้ ความสามารถ และมีขนาดสินทรัพย์ที่สูง โดยไม่เปิดให้นักลงทุนรายย่อยทั่วไปเข้ามาลงทุน


ขณะที่การซื้อขายเปลี่ยนมือจะไม่เปิดให้ซื้อขายต่อเนื่อง (Continuous Trading) แบบ SET และ mai โดยเบื้องต้นจะเปิดให้ซื้อขายวันละ 1 รอบเท่านั้น ส่วนนักลงทุนที่ขายหุ้นต้องมีหุ้นจริงอยู่ในมือแล้วเท่านั้น เช่นเดียวกับนักลงทุนที่จะซื้อหุ้นต้องใช้เงินสดในการซื้อเท่านั้น
#8318


บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 3/2564 ซึ่งเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน  2 ชุด โดยมีจำนวนหุ้นกู้ที่เสนอขายรวมทั้งสิ้นไม่เกิน  8 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน  8,000  ล้านบาท

ทั้งนี้แบ่งเป็น หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 4 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.55% ต่อปี มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,000 ล้านบาท จำนวนหน่วยที่เสนอขายไม่เกิน 4 ล้านหน่วย

หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุหุ้นกู้ 4 ปี 11 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.70% มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,000 ล้านบาท จำนวนหน่วยที่เสนอขายไม่เกิน 4 ล้านหน่วย ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2569 กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน หรือทุกวันที่ 8 มกราคม 8 เมษายน 8 กรกฎาคม และ 8 ตุลาคม ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยเริ่มชำระดอกเบี้ยงวดแรกในวันที่  8  มกราคม  2565 

หุ้นกู้ TPIPL จะเปิดจองซื้อในวันที่ 5-7 ต.ค.2564 โดยจะเสนอขายแก่นักลงทุนทั่วไป (Public Lottovip Offering: PO) มูลค่าที่ตราไว้ต่อหน่วย 1,000 บาท ราคาเสนอขายต่อหน่วย  1,000  บาท


ทั้งนี้ได้แต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ 11 ราย ประกอบด้วย

1. ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน)

2. บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด

3. บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน)

4. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด

5. บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน)

6. บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)

7. บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด

8. บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

9.บริษัทหลักทรัพย์ คันทรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

10. บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)  11. บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) 

ทั้งนี้ หุ้นกู้ TPIPL ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2564 ที่ระดับ "BBB+" แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" สะท้อนถึงตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งของ TPIPL ในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศไทย ตลอดจนการเป็นผู้นำตลาดพลาสติก Low-density Polyethylene (LPDE) และ Ethylene Vinyl Acetate (EVA) รวมถึงการมีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่มีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และประโยชน์จากการมีธุรกิจที่หลากหลาย



ประกอบกับผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีนัยสำคัญมาจากส่วนต่างของราคาพลาสติกที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจปิโตรเคมีและประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้น ส่งผลให้รายได้รวมของบริษัทฯ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 20,614 ล้านบาท เติบโต 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) อยู่ที่ 6,184 ล้านบาท เติบโต 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิรวมในช่วงหกเดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 3,625 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113% เมื่อเทียบปีกับช่วงเดียวกันของปี 2563 

ปัจจุบัน บมจ. ทีพีไอ โพลีน และบริษัทในเครือประกอบธุรกิจหลัก แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้ (1) ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ ปูนซีเมนต์ ปูนเม็ด ปูนสำเร็จรูป คอนกรีตผสมเสร็จ กระเบื้องคอนกรีต ไฟเบอร์ซีเมนต์ อิฐมวลเบา และสี เป็นต้น (2) ธุรกิจปิ โตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ได้ แก่ เม็ดพลาสติกประเภท LDPE&EVA กาวน้ำ, กาวผง, ฟิล์ม Polene Solar, ฟิล์ม Vista Solar และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ได้แก่ แอมโมเนียมไนเตรท และกรดไนตริก เป็นต้น (3) ธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ได้แก่ โรงงานแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิงทดแทน (Refuse Derived Fuel) โรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าจากพลังงานความร้อนทิ้ง โรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงขยะ RDF โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงงานผลิตเชื้อเพลิงเหลว สถานีให้บริการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (NGV) เป็นต้น และ (4) ธุรกิจการเกษตรและอื่น ๆ ประกอบด้วย (4.1) ผลิตภัณฑ์สำหรับพืช ได้แก่ ปุ๋ยชีวะอินทรีย์ สารปรับปรุงสภาพดิน (4.2) ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ ได้แก่ สารเสริมชีวนะ สำหรับปศุสัตว์และประมง (4.3) ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพได้แก่ Bio Knox สำหรับชงดื่มเพื่อกำจัดเชื้อก่อโรค Corona Virus น้ำยาบ้วนปากเพื่อฆ่าเชื้อโรค Corona Virus ใช้ได้ผลกับผู้ติดโรคแล้วทำให้หายจากโรคได้ ผลิตภัณฑ์  ไมโครมน็อคโซลูชั่น สำหรับพ่นบริเวณที่อยู่อาศัยเพื่อฆ่าเชื้อก่อโรค สบู่เหลว เป็นต้น รวมถึง น้ำดื่มตราทีพีไอพี และนอกจากนี้ยังมีธุรกิจประกันชีวิตที่ดำเนินการภายใต้บริษัทและบริษัทในเครือทีพีไอโพลีน 
#8319


นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย    (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 ได้มีผู้เอาประกันภัยหลายรายมายื่นเรื่องร้องเรียนที่สำนักงาน คปภ. กรณีบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่ง ปฏิเสธและปิดช่องทางการรับเรื่องร้องเรียนประกันภัยโควิด-19 

ทั้งนี้ สำนักงานฯ ได้กำหนดมาตรการเร่งด่วน 4 มาตรการเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้   


1. เร่งดำเนินการบังคับใช้กฎหมาย กรณีบริษัทกระทำการเข้าข่ายเป็นความผิดฐานประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน ซึ่งมีบทลงโทษตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัย พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ถือว่าเป็นการประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทน หรือประวิงการคืนเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย พ.ศ. 2549 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 20,000 บาท โดยจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ ในวันอังคารที่ 14 กันยายน 2564 และหากพบว่าบริษัทประกันภัยแห่งใด จงใจฝ่าฝืนมาตรการดังกล่าว ในลักษณะอันอาจเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยหรือประชาชน ก็จะยกระดับการบังคับใช้กฎหมาย ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยฯ 


2. ให้บริษัทฯ เร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนประกันภัยโควิด-19 ให้แล้วเสร็จ โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญผู้เกี่ยวข้องของบริษัทฯ มาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องที่มีการร้องเรียนในแต่ละกรณีเพื่อให้สามารถยุติเรื่องร้องเรียนโดยเร็ว


3. ให้บริษัทฯ ปรับปรุงหน่วยงานรองรับการจ่ายค่าสินไหมทดแทนและเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับประกันภัยโควิด-19 โดยเพิ่มบุคลากรให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่ผู้เอาประกันภัย และให้นำระบบออนไลน์มาใช้ในการบริหารจัดการการรับเรื่องร้องเรียนและการติดตามความคืบหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เอาประกันภัย และลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาที่บริษัทฯ รวมทั้งลดความเสี่ยงในการติดเชื้อของผู้เอาประกันภัย 


4. ให้บริษัทฯ เร่งปรับปรุงและเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้เอาประกันภัยให้ถูกต้องและชัดเจน 


สำนักงาน คปภ. ขอให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนว่าจะดูแลคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนผู้ซื้อหวยออนไลน์เอาประกันภัยอย่างเต็มที่และเต็มความสามารถ โดยจะใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัดกับทุกบริษัทที่ฝ่าฝืนกฎหมาย พร้อมทั้งจะติดตามและดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เพื่อกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยให้บริหารจัดการการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนจะบูรณาการเพื่อแก้ไขกรณีการจ่ายเคลมประกันภัยโควิด-19 ร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ   ที่เกี่ยวข้อง จึงเชื่อว่าปัญหาการจ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้าจะคลี่คลายโดยเร็ว

ทั้งนี้ หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมเรื่องประกันภัย ติดต่อได้ที่สายด่วน คปภ.1186 หรือ Add Line Official @oicconnect หรือ website คปภ.
#8321
เอาผิด "ปุ๊กลุก-นารา" หลังไลฟ์ยาสมุนไพรจีนต้านโควิด เหลียนฮัว ชิงเวิน ไม่ได้รับอนุญาต!!

วันนี้ 6 ก.ย. 2564 ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ผู้นำเข้ายาเหลียนฮัว ชิงเวิน แจ้งความเอาผิด "ปุ๊กลุก ฝนทิพย์" และ "นารา เครปกะเทย" หลังขายยาสมุนไพรผิดกฎหมายผ่านทางออนไลน์ หวั่นประชาชนหลงเชื่อ และซื้อไปบริโภคจนเกิดอันตราย เนื่องจากมีการลองสั่งซื้อมาแล้ว พบว่าของนารานั้นเป็นของปลอม ส่วนของปุ๊กลุก แม้ได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว แต่ว่ายังไม่มีการอนุญาตให้ขายผ่านทางออนไลน์จึงเข้าข่ายผิดกฎหมาย

ซึ่งเมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา นักแสดงสาว ปุ๊กลุ๊ก ฝนทิพย์ ได้อัดคลิปวิดีโอโฆษณาผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ซึ่งมียอดติดตามกว่า 2.3 ล้านคน เสนอขายยาสมุนไพรต้านโควิด-19 โดยผู้บริโภคได้ขอให้บริษัท ช่วยตรวจสอบ จึงได้ทำการสั่งซื้อยาสมุนไพร จำนวน 1 กล่อง ราคา 350 บาท ผ่านช่องทางสื่อออนไลน์ที่ปุ๊กลุกแจ้ง

ภายหลังตรวจสอบแล้วพบว่า ยาดังกล่าวได้รับการรับรองจาก อย. แล้ว แต่ยังไม่ได้รับอนุญาตในเรื่องของการโฆษณาขายยาทางสื่อออนไลน์ เบื้องต้นเข้าข่ายผิดกฎหมาย พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 มาตรา 17 วรรคแรกประกอบกับมาตรา 91 ผู้ใดผลิต หรือนำเข้า หรือขาย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 17 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

และตรวจสอบปรากฏว่าเป็นยาปลอม ไม่มี อย.รับรอง ซึ่งยาดังกล่าวเป็นอันตรายต่อชีวิต เบื้องต้นเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ผลิตภัณฑ์สมุนไพร พ.ศ. 2562 เกี่ยวข้องในการลักลอบนำเข้าผลิตภัณฑ์สมุนไพรปลอม ตามมาตรา 101 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นแค่ผู้ขายเท่านั้นมีโอกาส ได้รับโทษสูงสุดคือตามมาตรา 102 จำคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 3 แสนบาท

ทั้งนี้ ทางทีมข่าวได้ติดต่อไปยัง ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ และ นารา เครปกะเทย แล้ว แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอให้ทั้งสองคน ออกมาชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองอีกครั้ง

อ่านเพิ่มเติม : https://entertainment.trueid.net/detail/r2P7OelG9jpz

Tags : นาราเครปกระเทย,สมุนไพรจีนต้านโควิด, เหลียนฮัว ชิงเวิน, ยาเหลียนฮัว ชิงเวิน ปลอม








#8322
สำนักพรเทวะ ศูนย์รวมวัตถุมงคล เครื่องราง ของขลัง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์
สนใจติดต่อ
อ.ทองเอก พรเทวะ
โทร 0846623662
Line : teerapat999 
#8324


เลย์ลาห์ เฟร์นานเดซ นักหวดสาวน้อยดาวรุ่งวัย 19 ปี สร้างประวัติศาสตร์เข้ารอบ 4 คนสุดท้าย เทนนิสระดับแกรนด์สแลมครั้งแรกในชีวิต หลังพลิกล็อกเอาชนะ เอลิน่า สวิโตลิน่า มือ 5 ของโลกจากยูเครน 2-1 เซต

ศึกเทนนิสแกรนด์สแลม รายการสุดท้ายของปี 'ยูเอส โอเพ่น 2021' ณ สังเวียนยูเอสทีเอ บิลลี ยีน คิง เนชั่นแนล เทนนิส เซ็นเตอร์ เมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา วันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมา เป็นการแข่งขันในรอบ 8 คนสุดท้าย

ประเภทหญิงเดี่ยว เลย์ลาห์ เฟร์นานเดซ หวดสาวดาวรุ่งวัย 19 ปี มือ 73 ของโลกชาวแคนาดา สร้างเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง พลิกล็อกเอาชนะเอลิน่า สวิโตลิน่า มือ 5 ของโลกชาวยูเคน 2-1 เซต 6-3, 3-6, 7-6(5) ใช้เวลาไป 2 ชั่วโมง 27 นาที ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 4 คนสุดท้าย ไปรอพบผู้ชนะระหว่าง บาร์โบรา เครจ์คิโคว่า จากเช็ก หรืออายรีน่า ซาบาเลนกา จากเบลารุส

ทั้งนี้่เป็นการผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศเทนนิสระดับแกรนด์สแลมครั้งแรกในชีวิตของสาวน้อยวัย 19 ปีจากแคนาดา นอกจากนี้เธอยังเป็นนักหวดสาวที่อายุน้อยที่สุด ที่สามารถเอาชนะนักเทนนิส ท็อป 5 ของโลกได้ถึง 2 คน ในรายการนี้ นับตั้งแต่ เซเรน่า วิลเลียมส์ เคยทำได้ในปี 1999 เมื่อตอนอายุ 17 ปี และชัยชนะในแมตช์นี้ถือเป็นการฉลองวันเกิดครบรอบ 19 ปีย้อนหลังของเธอเพียง 1 วันอีกด้วย

'ตอนแรกฉันมีความกังวลในการลงเล่นรอบนี้ แต่ก็ต้องขอบคุณแฟนๆ ในนิวยอร์กที่เข้ามาเชียร์ฉัน และมีส่วนทำให้ฉันผ่านเข้ารอบรองฯ ในยูเอส โอเพ่น ได้'

'ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สู้กับ สวิโตลิน่า เธอเป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยม และเธอก็สมควรที่จะได้ผ่านเข้ามาเล่นในรอบก่อนรองชนะเลิศ'

'พ่อของฉันบอกหลายอย่างกับฉัน บอกให้ลงไปเล่นให้สนุก สู้ในทุกๆแต้ม สู้เพื่อทีมของคุณ สู้เหมือนว่าเป็นแมตช์สุดท้ายในทัวร์นาเมนต์ ในช่วงไทเบรกเซตตัดสิน สวิโตลิน่า เป็นสุดยอดนักสู้ เขาสู้อย่างเต็มที่กับทุกแต้ม ฉันแค่บอกกับตัวเองว่าถ้าเสียแต้มก็กลับมาเริ่มใหม่' เฟร์นานเดซ กล่าว
#8325


ดร.กฤษกร สุขเวชชวรกิจ หัวหน้าสาขาการจัดการธุรกิจสุขภาพ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กล่าวถึงกระแสรัฐสวัสดิการที่มาแรงในขณะนี้ ระบุว่า จากเหตุผลที่ประเทศไทยยังเป็นประเทศกำลังพัฒนานั้น ย่อมไม่สามารถจัดเก็บภาษีเงินได้ในระดับสูงถึง 50-60% เหมือนประเทศแถบสแกนดิเนเวียหรือกลุ่มประเทศ OECD และจากการเก็บภาษีที่สูงมาก ส่งผลให้คนในประเทศเหล่านั้นได้รับบริการทางสังคมอย่างเท่าเทียม ทั่วถึง และที่สำคัญคือ "ฟรี"

"เราเป็นประเทศกำลังพัฒนา หากต้องเปรียบเทียบ ควรเทียบกับประเทศที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือกลุ่มประเทศ ASEAN ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยถือว่ามีโครงสร้างระบบสาธารณสุขที่ดีในระดับหนึ่งแล้ว ย้อนไป 20-30 ปีก่อนหน้านี้ การสาธารณสุขของไทยมีเป้าหมายมุ่งเน้นไปที่การรักษาโรคเป็นหลักเท่านั้น จนกระทั่งปี 2543 องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) มีแนวคิดเรื่อง All for Health, Health for All หรือสุขภาพเป็นเรื่องของทุกคน ประเทศไทยจึงเริ่มเปลี่ยนแนวคิดจากเดิมว่าการสาธารณสุขไม่ใช่เพียงการรักษาโรคเท่านั้น แต่รวมถึงการป้องกันโรคและการสร้างเสริมสุขภาพ" ดร.กฤษกร เผย


จนกระทั่งมีการกำหนด พรบ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ขึ้น หน่วยงานด้านการสาธารณสุขในประเทศไทยจึงเพิ่มจำนวนมากขึ้น อาทิ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เป็นต้น ส่งผลให้คนไทยมีโอกาสได้พบหมอตามสิทธิด้านสุขภาพของแต่ละคน ซึ่งอาจแตกต่างกันไป และได้ตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการมีสุขภาพที่ดีมากขึ้น

หลักการถ้วนหน้า แต่คุณภาพไม่ถ้วนหน้า

ดร.กฤษกร ระบุว่า คนไทยทุกคนมีโอกาสเข้าถึงบริการทางการแพทย์แล้วก็จริง แต่คุณภาพยังมีความเหลื่อมล้ำ ทุกวันนี้ถ้ามีกำลังจ่ายย่อมเลือกไปโรงพยาบาลเอกชนมากกว่า และเรื่องการไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเป็นอีกหนึ่งปัญหาหลักของระบบสาธารณสุขไทย ซึ่งมีสาเหตุมาจากบุคลากรทางการแพทย์มีจำนวนน้อยและมีการกระจุกตัวในเมืองหลวงสูงจนน่าตกใจ



ปัจจุบันอัตราส่วนแพทย์ต่อประชากรในกรุงเทพมหานคร คือ 1 ต่อ 565 คน  ในขณะที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คือ 1 ต่อ 8,375 คน วิธีแก้ไขแบบตรงไปตรงมา คือ เพิ่มหมอและพยาบาลไปในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่สามารถทำได้ เนื่องด้วยประชากรวัยทำงานที่ลดลงและความสามารถในการผลิตบุคลากรทางแพทย์มีจำกัด

163052495099

ทางออกที่ดีที่สุดของประเทศไทย ณ ขณะนี้ จึงเป็นการนำเทคโนโลยีมาช่วย เพื่อลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ เพิ่มประสิทธิภาพการรักษา และเพิ่มความสามารถในการนำความช่วยเหลือไปสู่พื้นที่ห่างไกลได้มากขึ้น ในปัจจุบันประเทศไทยได้มีการนำเทคโนโลยีมาช่วยในระบบบริการด้านสุขภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนทุกระดับ จะช่วยให้ประชาชนได้รับการดูแลด้านสุขภาพอย่างมีคุณภาพ ไม่เหลื่อมล้ำ และปลอดภัย โดยแบ่งเป็น 4 ระบบกว้าง ๆ ได้ดังนี้

1. ระบบที่ใช้จัดเก็บและบันทึกข้อมูลสุขภาพผู้ป่วย: เวชทะเบียนอิเล็กทรอนิกส์ที่ส่งต่อไปตามโรงพยาบาลต่าง ๆ เพื่อความต่อเนื่องของการรักษา

2. ระบบที่ใช้ในการสื่อสารและติดตามข้อมูลสุขภาพของผู้ป่วย: ระบบการแพทย์ทางไกล สามารถพูดคุยกันแบบ Real-time (Telemedicine) หรือระบบติดตามดูแลสุขภาพผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ (Mobile Health) จะช่วยให้ติดตามอาการผู้ป่วยได้แม้อยู่ที่บ้าน และยังช่วยลดปัญหาการครองเตียงลงได้อีกด้วย

3. ระบบการสั่งยาและการบริหารยา: ลดปัญหาความคลาดเคลื่อนทางยา (Medication Error) และการใช้ระบบโลจิสติกส์ร่วมกับคลังยาส่วนกลาง ทำให้ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องไปรับยาที่โรงพยาบาลอีกต่อไป

4. ระบบสนับสนุนด้านการตัดสินใจทางคลินิก: แพทย์ที่ชำนาญเฉพาะทางสามารถช่วยแพทย์ที่อยู่หน้างานตัดสินใจได้ ไม่จำเป็นต้องมีแพทย์เฉพาะทางในทุกพื้นที่ เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาที่ดีขึ้น


จากสถานการณ์การระบาดของ Covid-19 ยิ่งทำให้ประชาชนหันมาใส่ใจสุขภาพ และเว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้น คนส่วนใหญ่จึงนิยมเลือกเข้ารับบริการการรักษาด้วยวิธีที่ทันสมัยมากขึ้น 

"ความมั่นคงทางสุขภาพคือพื้นฐานแรกของการดูแลประชาชน ประเทศไทยอาจไม่ใช่ประเทศร่ำรวยที่จะทำระบบรัฐสวัสดิการได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่เราสามารถสร้างความปลอดภัยและความสุขให้คนในประเทศได้ มองในแง่ดีเรามีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณภาพและมาตรฐานการรักษาที่เข้าขั้นระดับสากล ให้บริการด้วยไมตรี เป็นกันเอง และราคาที่สมเหตุสมผลกว่าประเทศอื่น ๆ นับเป็นจุดแข็งที่เพิ่มโอกาสทางการแข่งขันให้กับประเทศในด้าน Medical Tourism ได้อีกด้วย" 

คุณภาพที่ถ้วนหน้าและเท่าเทียม ต้องใช้องค์ความรู้ที่รอบด้าน

ดร.กฤษกร แสดงความกังวลด้วยว่า หากให้ภาครัฐผลักดันฝ่ายเดียวคงไม่ทันการณ์ เอกชนและคนรุ่นใหม่ควรมีส่วนร่วมผลักดัน แต่เนื่องจากเรื่องเทคโนโลยีสุขภาพเป็นศาสตร์ประยุกต์ คือต้องมีทั้งองค์ความรู้ของวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ การบริหารจัดการ และการวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้า ผู้ที่ทำงานที่เกี่ยวเนื่องกับด้านนี้จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง

ทางวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU เล็งเห็นถึงความสำคัญของการเร่งเพิ่มเติมองค์ความรู้ดังกล่าว ด้วยการเปิดหลักสูตรการจัดการมหาบัณฑิต สาขาการจัดการธุรกิจสุขภาพ: Health Business Management (HBM) หลักสูตรนี้สามารถเรียนได้ตั้งแต่ผู้บริหาร ผู้ประกอบการ Startup หรือบุคคลที่ทำงานในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับสุขภาพทั้งหมด ตัวอย่างวิชาที่เปิดสอน อาทิ วิชา Managerial Decision Strategy โดยใช้หลักการพยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคต (Futuristic Thinking) เตรียมกลยุทธ์รับมือในแต่ละสถานการณ์ และใช้กระบวนการตัดสินใจที่ละเอียดอ่อนกว่าธุรกิจปกติทั่วไป


เนื่องด้วยความเสี่ยงที่อาจเกิดอันตรายถึงชีวิต วิชา Logistics and Supply Chain Management for Healthcare Business จะช่วยลดความไม่เท่าเทียมกันของการรับบริการทั้งระบบลงได้ เพราะห่วงโซ่ที่มีประสิทธิภาพย่อมทำให้ต้นทุนการบริการทางการแพทย์ลดลง

ขณะที่วิชา Healthcare Business Analytics and Data Science จะช่วยให้คนไทยทุกคนมีตัวตนในระบบสุขภาพอย่างแท้จริง ไม่ได้แค่มีชื่อในระบบ แต่สามารถติดตามผลรายบุคคลและนำมาสู่การวางแผนป้องกันด้านสาธารณสุขระดับประเทศ ก่อนที่จะเกิดวิกฤตสุขภาพเกิดขึ้นอีกในอนาคต