• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Topics - Chigaru

#3841


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับงบการเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) โดยกำหนดให้ไม่ต้องผ่านการรับรองโดยที่ประชุมใหญ่สมาชิก เพื่อลดภาระ ต้นทุน และขั้นตอนการดำเนินการของบริษัทจัดการลงทุนและคณะกรรมการกองทุน โดยที่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ยังคงมีช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนที่เพียงพอ

ก.ล.ต. ได้หารือกับสมาคมบริษัทจัดการลงทุนและผู้เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเกณฑ์ข้างต้นช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเห็นว่า การจัดทำงบการเงินของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่กำหนดให้บริษัทจัดการลงทุนต้องจัดทำ พร้อมรายงานการสอบบัญชีต่อที่ประชุมใหญ่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเพื่อรับรองงบการเงิน และนำส่งสำเนางบการเงินและรายงานการสอบบัญชีดังกล่าวต่อ ก.ล.ต. ภายในเวลาที่กำหนด ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันภายใต้พัฒนาการของเทคโนโลยีที่มีความรุดหน้า ทำให้สมาชิกสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพผ่านช่องทางใหม่ ๆ ได้ง่ายและทั่วถึงมากขึ้นโดยไม่ต้องพึงพาช่องทางการจัดประชุมใหญ่สมาชิก

โดยคณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) ในการประชุมครั้งที่ 10/2564 เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2564 ได้มีมติเห็นชอบให้ ก.ล.ต. ดำเนินการเปิดรับฟังความคิดเห็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์เพื่อยกเลิกข้อกำหนดที่ให้งบการเงินต้องผ่านการรับรองจากที่ประชุมใหญ่สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่อไป

ทั้งนี้ งบการเงินดังกล่าวยังคงต้องผ่านการรับรองจากผู้สอบบัญชี โดยให้บริษัทจัดการลงทุนต้องจัดทำงบการเงินของกองทุน และเผยแพร่พร้อมรายงานการสอบบัญชีของผู้สอบบัญชีให้แก่สมาชิกรับทราบผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น เว็บไซต์ และแอปพลิเคชัน เป็นต้น หรือช่องทางอื่นใดที่สมาชิกสามารถเข้าดูข้อมูลได้อย่างทั่วถึง พร้อมทั้งนำส่งสำเนางบการเงินและรายงานการสอบบัญชีดังกล่าวให้สำนักงานภายใน 3 เดือนนับแต่วันสิ้นรอบระยะเวลาบัญชีประจำปีของกองทุน จากเดิมที่กำหนดภายใน 5 เดือน

นอกจากนี้ เพื่อให้สมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีช่องทางในการรับฟังรายงานสรุปผลการดำเนินงาน รวมทั้งมุมมองต่อภาวะตลาด เศรษฐกิจ และการลงทุนจากบริษัทจัดการ ก.ล.ต. จึงเสนอให้บริษัทจัดการจัดลงทุนต้องจัดให้มีการรายงานดังกล่าวอย่างน้อยทุก ๆ รอบเดือนมิถุนายน และเดือนธันวาคม โดยให้ดำเนินการภายใน 2 เดือน นับจากวันสิ้นรอบระยะเวลาดังกล่าวด้วย โดยคาดว่าหลักเกณฑ์ดังกล่าวจะเริ่มใช้สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีประจำปี พ.ศ. 2564 เป็นต้นไป
#3842


บอร์ดรฟท.เคาะเพิ่มงบก่อสร้างรถไฟสายสีแดง ค่า VO และภาษีกว่า 4,500 ล้านบาท หลังร่อนหนังสือถามอัยการ ไจก้ามั่นใจสั่งเพิ่มงานปฎิบัติไปตามสัญญา เตรียมชงคมนาคมและครม.เห็นชอบ และ ไฟเขียวให้รฟฟท.นำเงินล่วงหน้าไปเคลียร์ภาษีย้อนหลัง ปี54-55

นายจิรุฒม์ วิศาลจิตร ประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม บอร์ด รฟท.เมื่อวันที่ 23 ส.ค.2564 ได้พิจารณาอนุมัติ ทบทวนปรับกรอบวงเงินลงทุน กรณีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากงานปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม (Variation order - VO) พร้อมทั้งอนุมัติจัดหาแหล่งเงินรองรับสำหรับโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วง บางซื่อ-ตลิ่งชัน ทั้งนี้ บอร์ดได้มีข้อสังเกตุในบางเรื่อง โดยให้รฟท.ทำรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมทั้งยืนยันความถูกต้องให้ครบถ้วนก่อน เสนอไปที่กระทรวงคมนาคม และเพื่อนำเสนอคณะรัฐมตรี(ครม.) พิจารณาต่อไป

"เรื่องนี้บอร์ดไม่ได้อยู่หน้างาน ดังนั้นบางเรื่องต้องมีการยืนยันจากผู้บริหารโครงการ ว่าเรื่องการสั่งงาน VO ได้ดำเนินการตามกฎระเบียบและข้อกฎหมายครบถ้วนแล้วอย่างไรบาง "นายจิรุฒม์กล่าว 

รายงานข่าวจากรฟท.เปิดเผยถึงว่า โครงการก่อสร้างรถไฟสายสีแดง มีค่างาน VO จำนวน 10,345 ล้านบาท เป็นค่าภาษีมูลค่าเพิ่มประมาณ 3,000 ล้านบาท  และเป็นงานก่อสร้างเพิ่มเติมจากที่ออกแบบ ประมาณ 6,220 ล้านบาท โดยในการพิจารณาตัวเลขล่าสุด ได้ปรับในส่วนของสัญญา 3 งานระบบไฟฟ้าเครื่องกลและขบวนรถ และค่าที่ปรึกษา ออกเนื่องจากสามารถดำเนินการอยู่ในวงเงินของสัญญา ทำให้มีค่างานเพิ่ม VO และค่าภาษี ที่ประมาณ 4,500 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ของผู้รับเหมาที่เกิดจากการขยายสัญญา 1 สัญญา 2 วงเงินกว่า 800 ล้านบาท 

ส่วนประเด็น อำนาจสั่งการและอนุมัติในการเพิ่มงานของวิศวกรผู้มีอำนาจ หรือ The Enginee นั้น จากที่รฟท.ได้มีหนังสือสอบถาม อัยการสูงสุด ในแง่ของสัญญา ซึ่งอัยการตอบว่า ให้รฟท.ปฎิบัติตามสัญญา และความเข้าใจร่วมกันระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง ซึ่งรฟท.ได้สอบถามไปยังบริษัท ผู้รับจ้างทั้ง 3 สัญญา ซึ่งมีความเข้าใจตรงกันถึงความจำเป็นในการทำงานตตามสัญญา 

นอกจากนี้ ยังได้สอบถามองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า ในฐานะผู้ให้เงินกู้แล้ว และยังได้จ้างที่ปรึกษากฎหมาย คือ บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด เป็น third party วิเคราะห์สัญญา เพื่อให้ความมั่นใจในความถูกต้องอีกด้วย

@ เห็นชอบให้รฟทท.นำเงินล่วงหน้าไปเคลียร์ภาษีย้อนหลัง

นายจิรุฒม์ กล่าวว่า นอกจากนี้ บอร์ดรฟท.ยังได้อนุมัติแก้ไขสัญญาจ้างบริหารการเดินรถไฟฟ้า ระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง(แอร์พอร์ตเรลลิงก์) เลขที่ บฟ.007/2563 ลงวันที่ 15 ต.ค.2563 โดยงดการหักเงินค่าจ้างประจำงวด จากบริษัท รถไฟฟ้าร.ฟ.ท.จำกัด (รฟฟท.) ทั้งนี้ เพื่อให้ รฟฟท.นำไปชำระค่าภาษี 

รายงานข่าวแจ้งว่า รฟฟท. ของดการจ่ายเงินล่วงหน้ารายเดือน 25% งวดเดือนมิ.ย.-ก.ย. 2564 เป็นเวลา 4 เดือน เพื่อนำไปชำระค่าภาษี ซึ่งเงินล่วงหน้านี้ เป็นเงินที่รฟท.จะหักจากค่าจ้างรายเดือน ที่จ่ายให้รฟทท.ในการบริหารเดินรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ 

ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก กรมสรรพากร ได้มีหนังสือถึง กรรมการผู้จัดการ รฟฟท. เมื่อเดือนมิ.ย. 2564 เรื่องไม่อนุมัติให้ทุเลาการเสียภาษีอากร ตามที่ รฟฟท.ได้มีคำร้องไปยังกรมสรรพากร ขอทุเลาการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม สำหรับเดือนตุลาคม 2554 ถึงเดือนมิถุนายน 2555 รวมเป็นเงินจำนวน24,337,780 บาท ไว้ก่อนจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ ซึ่งรฟทท.ไม่ได้จัดให้มีหลักประกันการชำระภาษีอากรดังกล่าว ซึ่งกรมสรรพากรพิจารณาแล้วเห็นว่า ไม่มีเหตุอันควรผ่อนผัน ทำให้รฟฟท.จำเป็นต้องจัดหาเงินไปชำระภาษีดังกล่าว

@ ทำข้อตกลงกับบริษัทลูกทรัพย์สิน ในการทำสัญญาเช่าช่วงที่ดิน

นอกจากนี้บอร์ดรฟท.ยังเห็นชอบ ข้อตกลงหลักหรือMaster Agreemen ระหว่างรฟท. และบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ รฟท. โดยเป็นข้อตกลง คล้ายกับสัญญาระหว่างกัน แต่เนื่องจากรัฐวิสาหกิจด้วยกัน จึงต้องทำเป็นข้อตกลงระหว่างบริษัทแม่กับ บริษัทลูก โดยจะเป็นข้อตกลงหลักในการให้บริษัทลูกฯ เข้ามาบริหารทรัพย์สินของ รฟท. ขอบเขต หน้าที่ในการดำเนินการ ในที่ดิน ทรัพย์สินของรฟท. กรณีมีการเช่าช่วง การจ้างบุคคลที่ 3 อะไรที่บริษัทลูกทำได้ อะไรที่ต้องเสนอ รฟท. พิจารณา ซึ่งหลักในการจัดซื้อจัดจ้าง จะต้องเป็นไปตามระเบียบ และพ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างฯ
#3843


เอริค ลาเมล่า ลงมาเป็นซูเปอร์ซับ สวมบทฮีโร่ ซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ช่วยให้ เซบีย่า บุกเก็บชัยเหนือ เกตาเฟ่ 1-0 เก็บ 6 แต้มเต็มจาก 2 นัดแรก ผงาดจ่าฝูงของตาราง

ศึกฟุต.ลาลีกา สเปน ฤดูกาล 2021/22 นัดมันเดย์ไนท์ คืนวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา เกมที่น่าสนใจ เซบีย่า ยกพลไปเยือน เกตาฟ่ ที่สนามโคลีเซียม อัลฟอนโซ่ เปเรซ

เกตาเฟ่ ของกุนซือ มิเชล เกมที่แล้วบุกพ่าย บาเลนเซีย 0-1 ขณะที่ เซบีย่า ของเฮดโค้ชฆูเลน โลเปเตกี เกมที่แล้วเปิดบ้านต้อน ราโย่ บาเยกาโน่ 3-0

ปรากฎว่าเกมนี้ เซบีย่า เป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าทั้งการครอง. และจังหวะลุ้นประตู บุกมาเก็บชัยเหนือ เกตาเฟ่ ไปแบบหวุดหวิด 1-0 จากประตูชัยของ เอริค ลาเมล่า ในนาทีที่ 90+3

จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ เซบีย่า คว้าสามคะแนน 2 เกมติดต่อกัน ขึ้นไปรั้งตำแหน่งจ่าฝูงของตาราง มี 6 แต้มเต็มเท่ากับ แอตเลติโก มาดริด แต่ลูกได้เสียดีกว่า ขณะที่ เกตาเฟ่ รั้งอันดับ 18 ของตาราง ยังไม่มีแต้ม
#3844


    คู่รักบางคู่โชคดีมีลูกง่ายโดยไม่ต้องพยายามมากนัก  แต่มีอีกหลายคู่ที่พยายามกันแล้ว ใช้เวลานานก็ไม่สำเร็จ ไม่ตั้งครรภ์สักที ปัญหามีลูกยากแท้จริงแล้วอธิบายง่าย ๆ ว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ การใช้ชีวิตประจำวันและสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราเป็นสาเหตุสำคัญทำให้มีลูกยาก ความเครียดนั้นเกิดจาก ภารกิจที่ยุ่งวุ่นวายในแต่ละวัน ใจผูกติดอยู่กับงาน ส่งผลต่อฮอร์โมน และ การตกไข่ไม่สม่ำเสมอ ทำให้โอกาสตั้งครรภ์น้อยลงไปด้วย

     แต่ถ้ามาที่คลินิก Genesis Fertility Center (GFC) ศูนย์รวมบริการทางการแพทย์ สำหรับผู้มีบุตรยากแบบครบวงจร ทุกอย่างจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปที่จะเติมคำว่า ครอบครัว ให้เต็มด้วยคำว่าแก้วตาดวงใจ ลูกน้อย ที่เป็นโซ่คล้องใจสำคัญสำหรับพ่อแม่ทุกคู่ ที่ต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอลูกน้อยมานานจนเกือบท้อแต่อย่าหมดหวัง เพราะ "คุณหมอเอ็ม ชมพูนุช จันทรกระวี" (หมอเอ็ม) แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสำหรับผู้มีบุตรยาก พร้อมให้ทำปรึกษาและทำให้หลายครอบครัวต่างก็ประสบความสำเร็จได้ลูกอย่างที่หวังมาหลายครอบครัวแล้วนั้น

    งานนี้เลยต้องขอส่องโปรโฟล์ของ คุณหมอเอ็ม ชมพูนุช จันทรกระวี ที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายๆบ้านมีลูกสมดั่งที่ใจหวัง ก็ต้องบอกเลยว่าโปรไฟล์ คุณหมอเอ็ม เพอร์เฟคมาก เพราะได้เรียนจบ แพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล แถมยังชอบกีฬาที่หลากหลาย อาทิ ต่อยมวย โยคะ แล้ว

    คุณหมอเอ็ม ยังได้เผยอีกว่าที่เลือกมาทำด้านนี้ก็เพราะ ความรู้ของด้านนี้สนุก และมีอัพเดตไม่สิ้นสุด มีวิทยาการใหม่ๆที่สามารถนำมาใช้รักษาคนไข้ นอกจากนั้นมันเหมือนเป็นความท้าทายเล็กๆ ว่าเราจะทำอย่างไรให้คนไข้ตั้งครรภ์ได้และคลอดน้อง มีน้องที่สมบูรณ์ แข็งแรง ความสำเร็จประมาณ 70% ค่ะ ทุกเคสก็มีความยากมาก ยากน้อยต่างกันไป (ถ้าเคสง่ายก็มักจะท้องได้เองไม่ได้มาเจอหมอค่ะ) เคสที่ยาก เช่น เคสที่รักษาจากที่อื่น เก็บไข่มา 3 รอบ โดยน้ำเชื้อที่ใช้มาจากการทำ TESE (ตัดชิ้นเนื้อบางส่วนจากอัณฑะ เพื่อหาอสุจิมาใช้ในการปฏิสนธิ) ได้ตัวอ่อน ตรวจโครโมโซมทุกครั้ง ใส่ตัวอ่อนไป 2 รอบ ยังไม่ตั้งครรภ์ เปลี่ยนมารักษาที่ GFC ก็เริ่มกระตุ้นไข่ใหม่และทำ TESE ตัวอ่อนที่ได้เราเลี้ยงในตู้เลี้ยง EEVA เพื่อเพิ่มคุณภาพตัวอ่อน หลังตรวจโครโมโซมผ่าน เตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกค่อนข้างยาก เพราะเยื่อบุบางมาก ใช้ยาเยอะมาก แต่พอได้ใส่ตัวอ่อนรอบแรกติดค่ะ เคสนี้ลุ้นมาก ซึ่งในทุกขั้นตอนการดูแลให้คำปรึกษาและรักษาตั้งแต่ต้นจนจบ ระหว่างทางเราจะมีคุณพยาบาลที่ช่วยให้คำแนะนำทั้งการฉีดยา การดูแลตัวเองตั้งแต่ก่อนท้องจนตั้งครรภ์เราก็ดูแลกันไปตลอด ที่ขาดไม่ได้คือทีมนักวิทยาศาสตร์เลี้ยงตัวอ่อนที่ช่วยดูแลเด็กน้อยให้แข็งแรงก่อนที่จะส่งไปอยู่กับคุณแม่ ทุกฝ่ายดูแลจากใจจริงๆค่ะ จนวันนี้ก็ยังดีใจไม่หายที่ช่วยให้หลายๆครอบครัวได้มีคุณลูกตัวน้อยสมหวังอย่างที่ตั้งใจ หากคุณประสบปัญหากับภาวะมีบุตรยากมาหาเราที่ GFC นะคะ เราพร้อมสร้างฝันให้เป็นจริงได้ สามารถปรึกษาและสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-108-6413-14 หรือ 0974845335 หรือ ทางเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/GFC.Bangkok และ Line OA : @gfcclinic "
#3845


ในขณะที่คนไทยกำลังเตรียมตัวเพื่อเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ปัจจัยหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้าม แต่มีส่วนช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพของวัคซีน โดยเฉพาะสำหรับผู้สูงอายุ ก็คือ การมีโภชนาการที่ดีและการออกกำลังกาย และนี่คือเคล็ดลับง่ายๆ ในการสร้างลักษณะนิสัยที่ดีต่อสุขภาพ

1.โภชนาการที่ดีคือหนึ่งในหัวใจสำคัญของการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย การมีโภชนาการที่ดีและเหมาะสม เป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่จะช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ซึ่งสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น วิตามินซี สังกะสี วิตามินดี วิตามินเอ และวิตามินอี จะช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อให้รับมือกับความท้าทายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไวรัสหรือการได้รับวัคซีนได้ดียิ่งขึ้น และขณะที่เรามีอายุเพิ่มขึ้น ภาวะที่ร่างกายได้รับสารอาหารหรือพลังงานในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ก็ยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลให้ภูมิต้านทานลดลง เราจึงควรหันมาใส่ใจด้านโภชนาการอย่างต่อเนื่องในทุกช่วงวัยของชีวิต



2.การออกกำลังกายช่วยส่งเสริมระบบการทำงานของภูมิคุ้มกันของร่างกาย การเคลื่อนไหวร่างกายทำให้สุขภาพดีขึ้นและส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การตอบสนองต่อวัคซีนของผู้สูงอายุดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ การออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่ง อาจมีส่วนในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกัน ให้ตอบสนองต่อวัคซีนได้ดียิ่งขึ้น

3.ภาวะทุพโภชนาการส่งผลต่อการทำงานของร่างกาย และอาจมีผลกับการตอบสนองของภูมิคุ้มกันต่อวัคซีน

ภาวะทุพโภชนาการ คือภาวะที่ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ และสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้ที่มีน้ำหนักต่ำกว่า หรือสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน โดยกลุ่มของผู้สูงอายุมากกว่าครึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะทุพโภชนาการหรือการขาดสารอาหาร ซึ่งอาจส่งผลให้ประสิทธิภาพของวัคซีนในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันลดลง ภาวะขาดสารอาหารยังสามารถส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญได้ให้คำแนะนำว่า การแก้ไขภาวะขาดสารอาหารอาจช่วยลดความเสื่อมถอยของระบบภูมิคุ้มกัน ที่อาจส่งผลให้ผู้สูงอายุมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและความรุนแรงของโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น



แนวทางการสร้างเสริมสุขภาพที่ดี

การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพเป็นสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ และยังไม่สายเกินไปหากเราจะเริ่มปรับพฤติกรรมการบริโภคตั้งแต่วันนี้ เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานและความแข็งแรงของร่างกาย เริ่มต้นได้จากการรับประทานผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไร้ไขมัน ผลิตภัณฑ์จากนมและไขมันดีเพิ่มเติมจากอาหารมื้อหลัก ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารหลักที่สำคัญ เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกาย ดังนี้

โปรตีน: โปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างแอนติบอดีและเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน กรดอะมิโนบางชนิดที่เป็นส่วนประกอบของโปรตีน คือแหล่งพลังงานที่สำคัญของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ผู้สูงอายุควรได้รับโปรตีนประมาณ 25-30 กรัมต่อมื้ออาหาร เพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และช่วยให้อิ่มท้องได้นานขึ้นในระหว่างมื้ออาหาร



วิตามินและแร่ธาตุ: วิตามินและแร่ธาตุ คือสารอาหารสำคัญที่ร่างกายต้องการเพื่อคงความแข็งแรง วิตามินเอและวิตามินดีมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้เป็นไปตามปกติ และจากข้อมูลทางการแพทย์พบว่า วิตามินดีอาจมีบทบาทสำคัญในการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อไวรัสที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ[7] นอกจากนี้ วิตามินซีและวิตามินอี ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ จะช่วยปกป้องเซลล์ต่างๆ รวมถึงเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันจากความเสียหาย ในขณะที่สังกะสีมีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน

โพรไบโอติกส์: แม้ไม่ใช่สารอาหารหลัก ทว่าโพรไบโอติกส์ หรือแบคทีเรียชนิดดีที่อยู่ในระบบทางเดินอาหาร มีผลต่อระบบภูมิคุ้มกันโดยรวมของร่างกาย จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ ช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหารและลำไส้ ซึ่งมีระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายกว่า 70 เปอร์เซ็นต์อยู่ในนั้น

แม้ไม่มีรายงานว่าร่างกายคนเราต้องการโพรไบโอติกส์ในปริมาณเท่าไรในแต่ละวัน ทว่าการรับประทานอาหารหมักดอง เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ หรือผักผลไม้ดองในปริมาณที่เหมาะสมก็เป็นวิธีง่ายๆ ในการเพิ่มปริมาณโพรไบโอติกส์ให้กับร่างกาย



"โภชนาการที่ดีคือพื้นฐานของการมีสุขภาพที่แข็งแรง และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันและการคงความแข็งแรงของร่างกาย รวมทั้งมีส่วนช่วยในการปกป้องโรคและการฟื้นตัวของร่างกายจากความเจ็บป่วย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ" นายแพทย์ไมเคิล หวัง ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ กลุ่มงานธุรกิจโภชนาการของแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส ประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก กล่าวว่า "การรับประทานอาหารที่มีโภชนาการที่สมดุล อาทิ โปรตีน ธาตุเหล็ก สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็น มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ขณะที่ผลิตภัณฑ์เสริมสารอาหาร หรืออาหารสูตรครบถ้วน ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกสำหรับผู้ที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้อย่างเพียงพอในแต่ละวัน เนื่องจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นและรับประทานง่าย จึงมีส่วนช่วยให้ผู้สูงอายุได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวันได้"



ด้าน ดร.ภนิตา ศรีชมเชย นักกำหนดอาหารวิชาชีพ ผู้จัดการศูนย์โภชนาการและการกำหนดอาหาร โรงพยาบาลเทพธารินทร์ วิทยากรจากโครงการ Nutrition Expert ให้คำปรึกษาด้านโภชนาการ แนะนำว่า "โภชนาการที่ดีจะช่วยสนับสนุนประสิทธิภาพของวัคซีนและช่วยลดความรุนแรงของอาการข้างเคียงจากการรับวัคซีน[8] นอกจากนี้การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้สุขภาพโดยรวมดีขึ้น ซึ่งการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่ายๆ ได้แก่ การวิ่งเหยาะๆ การว่ายน้ำ การเดินในน้ำ มวยจีน หรือโยคะ เป็นต้น"

การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งรวมถึงการออกกำลังกายแบบแรงต้าน สามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรง เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสมต่อสภาพร่างกายได้ เช่น

- การเดินอย่างสม่ำเสมอ
- การออกกำลังกายที่เน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เช่น การกระโดด หรือ การบริหารกล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าโดยการย่อขา
- การยกเวท หรือ การใช้อุปกรณ์เสริมเพื่อเพิ่มแรงต้าน

วิธีง่ายๆ อย่างการให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ดีและการออกกำลังกายจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรง และอาจช่วยในการตอบสนองของร่างกายต่อวัคซีน ท่านยังสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ณ ร้านขายยาที่เข้าร่วมโครงการได้แล้ววันนี้ โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการ Nutrition Expert Program เพียงคลิก Abbott Nutrition Care
#3846


มวยปล้ำ WWE เตรียมเปิดให้ชาวอเมริกันเชียร์ติดขอบสนามอีกครั้ง! กับศึก SmackDown และ RAW พร้อมชมการคืนสนามของ จอห์น ซีน่า ในรอบ 17 เดือน ชาวไทยดูสด ๆ ได้ทาง 3BB GIGATV

ภายหลังจากสถานการณ์โควิดในอเมริกาเริ่มคลี่คลาย สมาคมมวยปล้ำ WWE ได้ปรับให้มีการเปิดเข้าชมของแฟนมวยปล้ำอีกครั้ง ประเดิมเปิดเวทีกับสองรายการสุดฮิตที่คอมวยปล้ำชื่นชอบ รายการ Smackdown และ RAW กับบรรยากาศแฟนมวยปล้ำลุ้นเต็มขอบสนามจริง ภายหลังที่ต้องชมผ่าน WWE Network มาเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง หลังสถานการณ์โควิดในอเมริกาดีขึ้น และเมื่อเปิดให้มีการจองบัตรที่นั่ง ปรากฏว่าบัตรเต็มในเวลาอันสั้น!!!

วินซ์ แม็กแมน (Vince McMahon) ประธานบริหารและ CEO สมาคม WWE เผยว่า "กว่าหนึ่งปีครึ่ง ที่ WWE ขาดสิ่งที่สำคัญที่สุดของโชว์ไป นั่นคือแฟนๆ ของเรา แม้ว่าเราจะพยายามมากแค่ไหน ทั้งไม่เคยหยุดออกอากาศ ยืดหยัดสร้างสรรค์ผลิตรายการออกมาเสมอ ลงทุนกับเทคโนโลยีใหม่ซึ่งนำพาแฟนๆ เกือบล้านคนเข้ามาอยู่ในโชว์ของเราผ่านจอวิดีโอบอร์ด แต่มันก็ไม่เหมือนที่เคยเป็น ท่วงทำนองของเราขาดหายไปประสบการณ์ที่เราสัมผัสร่วมกัน อารมณ์ความรู้สึก ปฏิกิริยาของผู้ชมที่ทำให้ทุกการกระแทกและรอยฟกช้ำที่เกิดขึ้นนั้นคุ้มค่า มันขาดหายไป พรุ่งนี้ทุกสิ่งจะเปลี่ยนไป"

ทาง WWE ยังเอาใจแฟนมวยปล้ำ ด้วยการปรากฏตัวของ จอห์น ซีน่า (John Cena) ตำนานนักมวยปล้ำชื่อดัง อดีตแชมป์โลก 16 สมัย ซึ่งปัจจุบันผันตัวเป็นนักแสดงชื่อดังในฮอลลีวูด (เรื่อง Fast9) นี่คือการกลับมาคืนจอ WWE ครั้งแรกของซีน่า นับตั้งแต่ Firefly Fun House ใน WrestleMania 36 ซึ่งเป็นการอัดเทปในสถานที่ปิดไร้ผู้ชม แต่ครั้งนี้คือการกลับมาท่ามกลางผู้ชมในสนามครั้งแรกของเขา ในรอบ 17 เดือน นับตั้งแต่รายการ SmackDown กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ก่อน COVID-19 pandemic และนี่คือ เวที WWE ที่เปิดรับผู้ชมกลับมาคืนสนามเต็มความจุอีกครั้ง

ซึ่งในเดือนกันยายนนี้ แฟนมวยปล้ำชาวไทย สามารถรับชมความสนุกเร้าใจกับความสนุกทุกคู่ เลือดสาดทุกแมตช์ เกรี้ยวกราดทุกช็อต ชั้นเชิงขั้นเทพแบบโหด-เลว-ดี ไม่มีสิ้นสุด ชมกันแบบเต็มอิ่มได้ลุ้นเหมือนได้นั่งเชียร์ที่ขอบสนามด้วยตัวเอง ทุกเช้าวันอังคาร จะได้ชมรายการ RAW เวลา 07.00 - 10.00 น. และ ทุกเช้าวันเสาร์ ชมรายการ SMACKDOWN เวลา 07.00 - 09.00 น. ที่ช่อง 3BB SPROTS ONE หมายเลข 401 ผ่านบริการ 3BB GIGATV สอบถามเพิ่มเติม โทร 1530
#3847


วันนี้ (23 ส.ค.) เฟซบุ๊ก "โฆษกกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข" ของ นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ ที่ปรึกษาระดับกระทรวง (รก.11) และ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ กระทรวงสาธารณสุข โพสต์ข้อความหัวข้อ "เรารับใช้ประชาชนบนหลักวิชาการ" ระบุว่า "มีข้อสงสัยกันมากกับการตัดสินใจในหลายเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข ผมขอเรียนย้ำว่า กระทรวงสาธารณสุข ไม่เคยอยู่ใต้อคติของใครคนใดคนหนึ่ง หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

เรายืนหยัดทำงาน รับใช้ประชาชนบนหลักวิชาการเท่านั้น และเราเข้มแข็งพอที่จะต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คนที่ทำงานที่นี่ได้ เพราะยอมรับในหลักการเดียวกัน การตัดสินใจของเรา จะเกิดขึ้น เมื่อมีผลการศึกษาที่เชื่อถือได้มารองรับเท่านั้น การทำงานของเรา มิได้อยู่บนมโนคติ เราไม่กล้าเอาสมมุติฐาน มาตัดสิน เพื่อดำเนินการ เรากล้านำเสนอผลงานของเรา และเราทำทุกอย่าง อย่างโปร่งใส เรามิได้กระทำการใดด้วยเพราะ "เชื่อว่า" แต่เราจะปฏิบัติ เมื่อ "มีผลการศึกษา จาก ..... ออกมาว่า ......" และผลการศึกษานั้น จะต้องไม่ใช่หน่วยงานเดียว แต่ต้องออกมาจากหลายหน่วยงาน เพราะเราต้อง Cross Check ด้วย

เรื่องการให้บริการวัคซีนสูตร SA หรือ SINOVAC ต่อด้วย แอสตร้าเซนเนกา มีหลายทีมที่ศึกษาเรื่องนี้ ทุกทีมล้วนเป็นสถาบันการแพทย์ชั้นแนวหน้าของประเทศ และทุกทีม มีผลการศึกษาตรงกันว่า สูตรนี้ สร้างภูมิคุ้มกันได้สูง ในระยะเวลาที่เร็วขึ้น ต้องขอบคุณเหล่าอาจารย์แพทย์ และผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน ซึ่งผลักดันการสาธารณสุขไทยไปข้างหน้า ท่านยังทำงาน แม้จะมีแรงเสียดทานมากเหลือเกิน เราชาวกระทรวงสาธารณสุข ขอยืนยันว่า การทำงานของเรานั้น เป็นไปด้วยความสุจริต ไร้อคติครอบงำ "เรารับใช้ประชาชนบนหลักวิชาการ" #ความในใจชาวสธ
#3848


พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2020 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในกีฬาเทควันโด รุ่น 49 กิโลกรัม หญิง พร้อมคุณพ่อ สิริชัย วงศ์พัฒนกิจดินทางไปยัง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นำเหรียญมามอบให้กับ ทรงศักดิ์ ทิพย์นาง โค้ชคนแรกของ "เทนนิส"

บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น เมื่อ "เทนนิส" เดินทางมาถึงก็ได้ก้มลงกราบ "โค้ชทรงศักดิ์" ทันที โดยโค้ชคนนี้ถือเป็นคนสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นผู้ผลักดันให้ พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ มุ่งหน้าเป็นนักกีฬาเทควันโดเยาวชนทีมชาติไทย ตั้งแต่ปี 2554 และหลังจากก้มกราบ ทั้งคู่ก็สวมกอดกันอย่างอบอุ่น

"หลังจบการแข่งขัน เราก็ตั้งใจเดินทางมาหาโค้ชทรงศํกดิ์ที่ อ.หิวหิน เพราะอยากจะมาขอบคุณโค้ชที่ถือเป็นครูคนแรกที่ฝึกสอนเรามาตั้งแต่เด็กๆ" เทนนิส เริ่มกล่าว

"จากที่เล่นไม่เป็น จนกลายมาเป็นนักกีฬา และโค้ชก็เชื่อมั่นใจตัวเรามาตลอด พร้อมผลักดันให้เรากลายเป็นนักกีฬาเทควันโดเยาวชนทีมชาติไทยในปี 2554"

"รู้สึกดีใจมาก และอยากให้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนรุ่นใหม่ที่รักกีฬาเทควันโดใน อ.หัวหิน ซึ่งเราก็ขอสัญญากับครูว่าจะมุ่งมั่น ทุ่มเทกับกีฬาชนิดนี้ต่อไป" ฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก 2020 ทิ้งท้าย

ขณะที่ ทรงศักดิ์ ทิพย์นาง กล่าวว่า "รู้สึกภูมิใจกับความสำเร็จของ เทนนิส มากๆ ก่อนหน้านี้ก็รู้กว่าเราต้องส่งเสริม ต้องผลักดันเด็กคนนี้ให้เป็นนักกีฬาทีมชาติไทยให้ได้ เพราะเขามีความพยายามมากๆ ตั้งแต่เด็ก ตอนนี้นอกจาก เทนนิส จะทำตามความฝันของตัวเองได้แล้ว ยังทำให้ความฝันของโค้ชสำเร็จไปด้วย นั่นคือการเห็นลูกศิษย์ประสบความสำเร็จในกีฬาชนิดนี้"
#3849


บมจ. อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ผู้นำด้านดิจิทัลในธุรกิจประกัน เดินหน้าเสริมแกร่งช่องทางตัวแทน จัดงาน AL Seminar ACTIV 21 งานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ อินเตอร์แอคทีฟ ครั้งแรก มุ่งติดอาวุธทางปัญญา จุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้บริหารตัวแทนรุ่นใหม่ โดยได้รับความสำเร็จท่วมท้น มีผู้บริหารตัวแทนจากทั่วประเทศร่วมกว่า 1500 คน ด้วยคะแนนความพอใจห้าดาวจากผู้ร่วมงาน พร้อมเปิดตัว CAO Trip Challenge คุณวุฒิกระตุ้นยอดขาย ดันเบี้ยปีแรกช่องทางตัวแทนแตะ 3.1 พันล้านภายในสิ้นปี


วิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า จากสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ทำให้สภาพตลาดประกันยังมีสภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขจากสมาคมประกันชีวิตไทย ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดประกันชีวิตมีการขยายตัวเพียง 3% สำหรับช่องทางตัวแทนของอลิอันซ์ อยุธยา ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยตัวเลข 7 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยปีแรก (ANP) 1,271 ล้านบาท  เติบโตถึง 9 % ความสำเร็จที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เกิดจากการดำเนินกลยุทธ์ที่ถูกต้อง โดยปีนี้ เรา มุ่งเน้นไปที่รูปแบบเฟรนไชส์ นำโมเดลที่ประสบความสำเร็จไปใช้พัฒนาตัวแทนกลุ่มอื่นๆ รวมถึงการมุ่งแบ่งปันความรู้และแรงบันดาลใจจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้ง ยังมีการกระตุ้นการสร้างยอดด้วยกิจกรรมและการแข่งขันให้ตัวแทนพิชิตเป้าหมายซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเสมอ


ล่าสุด อลิอันซ์ อยุธยา ได้จัดงาน  AL Seminar ACTIV 21 งานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรก มีผู้บริหารตัวแทนจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานกว่า 1500 คน มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดการสัมมนาให้มีความ Interactive มากขึ้น ทั้งในส่วนของแอปพลิเคชัน Activ 21 ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ร่วมงานได้รับความรู้จาก podcast ตอบquiz เพื่อเก็บคะแนนสะสมล่วงหน้าก่อนงานเป็นเวลา 1 เดือน ส่วนในวันงาน เน้นหลักสูตรเพื่อการบริหารทีมงาน จุดประกายให้เห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีม การส่งเสริมทัศนะคติเชิงบวก มองถึงโอกาสดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการให้ความสำคัญกับตัวแทนรุ่นใหม่ในการเติบโตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า" โดย คุณก๊อต จิรายุ ตันตระกูล ดารานักแสดง นักคิดที่มีมุมมองการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน สัมภาษณ์เจาะลึก โดย คุณสง่า พิชฌังกูร โค้ชผู้เปลี่ยนแปลงชีวิต งานครั้งนี้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากตัวแทน ได้รับคะแนนความพอใจจากผู้เข้าร่วมงานในระดับ 5 ดาว ถึง 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน

 

"บริษัทยังมีการประกาศการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ นั่นคือ CAO Trip Challenge เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างผลงานของตัวแทนในทุกระดับ โดยการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันด้วยระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือนเต็ม (ตั้งแต่ ส.ค. – ธ.ค. 64) โดยผู้พิชิตคุณวุฒิในการแข่งขันนี้ จะได้เดินทางร่วมทริปไปซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยบริษัทตั้งเป้าการเดินทางในปีหน้า ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระตุ้นการสร้างผลงานแล้วเพื่อพิชิตเป้าในปีนี้แล้ว ยังเป็นกำลังใจให้ทุกคนมองถึงอนาคตที่กำลังจะมีสิ่งดีดีเกิดขึ้น เมื่อวิกฤตการณ์ผ่านพ้นไป"

รับชม VDO งานAL Seminar สัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรกได้ทาง  https://youtu.be/xzrWg4N7kCs
#3850


นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ดูแลธุรกิจ SCG HOME Retail & Distribution Business ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี เปิดเผยว่า "SCG HOME เล็งเห็นถึงความสำคัญของผู้ประกอบการขนาดเล็กมีส่วนในการเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นให้เข้มแข็ง และเป็นรากฐานที่ผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโต จึงมุ่งมั่นสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่มีอยู่เกือบหนึ่งแสนรายทั่วประเทศ ยังต้องการการเข้าถึงโอกาสและช่องทางในการพัฒนาศักยภาพ พร้อมทั้งต้องการเครื่องมือการตลาดแนวใหม่ เพื่อยกระดับการเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ"

โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ SCG HOME ได้จับมือร่วมกับกองส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน กรมส่งเสริมการเกษตร จัดอบรมสัมมนาออนไลน์ภายใต้หัวข้อ 'ติดอาวุธพัฒนาสินค้า บริการ ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัล' จุดประกายความคิดให้แก่ผู้ประกอบการรายเล็ก และนำองค์ความรู้ไปพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการเพิ่มช่องทางตลาดออนไลน์ และแนวทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ไปยังผู้บริโภคตามแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคและวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) เพื่อที่ผู้ประกอบการรายย่อยจะสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพิ่มทางเลือกสินค้าให้มีความหลากหลายกับผู้บริโภค รวมทั้งเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่าย สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ขยายฐานของกลุ่มลูกค้าออกไปในวงกว้างมากขึ้น และผลักดันการจัดจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเสริมศักยภาพรูปแบบการจัดจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ที่จะเป็นช่องทางหลักในการจำหน่ายสินค้าในอนาคต ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการยังสามารถพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารธุรกิจ และองค์ความรู้ในการพัฒนาสินค้าและปรับเปลี่ยนการทำงานให้เป็นระบบมากขึ้น และนอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยด้วยกันเอง แบ่งปันองค์ความรู้ นำไปต่อยอดเป็นธุรกิจ และพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ มากยิ่งขึ้น

สำหรับผู้ประกอบการรายเล็กไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจประเภทใด ก็สามารถนำองค์ความรู้ที่ได้รับไปปรับใช้ในการพัฒนาศักยภาพของตนให้เข้มแข็งได้ ดังเช่น วิสาหกิจชุมชน ดังนี้

วิสาหกิจชุมชนหัตถกรรมไทบุราณศิลป์ ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดบูชา พานตั้งโต๊ะ และพวงมาลัยคริสตัล นำโดย นางขนิษฐา อุทิศวรรณกุล กล่าวว่า "ถึงแม้ว่าทางกลุ่มฯ เพิ่งเข้าร่วมอบรมสัมมนาออนไลน์กับทาง SCG HOME เป็นครั้งแรก แต่ได้รับประโยชน์มาก สามารถนำองค์ความรู้กลับมาพัฒนาศักยภาพได้จริง เช่น การพัฒนาต่อยอดสินค้าใหม่ ๆ โดยนำเศษผ้าไหมที่เหลือทิ้งมาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์ให้มากขึ้น เนื่องจากช่วงโควิด – 19 แพร่ระบาด ทำให้ไม่สามารถออกบูธจำหน่ายสินค้า และขายผ่านหน้าร้านตามปกติได้ เนื่องจากจำเป็นต้องปิดร้านที่สนามหลวง 2 ไปชั่วคราว และหาช่องทางการจำหน่ายช่องทางออนไลน์แทน อาทิ อี-มาร์เก็ตเพลส ช่องทางโซเชียล เน็ตเวิร์ค ต่าง ๆ"

วิสาหกิจชุมชนภูมิปัญญาไทยบ้านโพธิ์ ผู้ผลิตและจำหน่ายไข่เค็มชาร์โคล น้ำยาล้างจาน น้ำยาล้างเครื่องประดับ และสบู่นมแพะ จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำโดย นางปรียาพร เทียนหล่อ เปิดเผยว่า "ทางกลุ่มฯ มีความเชี่ยวชาญในการนำสมุนไพรไทยมาใช้ให้เกิดประโยชน์และพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้าน หลังจากได้เข้าร่วมอบรมกับทาง SCG HOME ช่วยให้มีกระบวนการคิดและบริหารธุรกิจอย่างเป็นระบบมากขึ้น เช่น ในสถานการณ์โควิด-19 การจะลงทุนทำอะไรเพิ่มต้องคิดและวิเคราะห์มากขึ้น ทั้งสามารถต่อยอดและพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ เช่น การนำกากของผลมะกรูดที่เหลือจากการผลิตสบู่ มาต้มต่อและผลิตเป็นน้ำยาล้างจาน แทนที่จะทิ้งให้สูญเปล่า รวมทั้ง ยังได้รับเทคนิคในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อใหม่ ๆ อาทิ การสร้างเพจ การโพสต์รูปสินค้า และยังได้กลุ่มเพื่อนใหม่จากการเข้าร่วมอบรม มีการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กันและบอกต่อผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มค้าใหม่ ๆ"

วิสาหกิจชุมชนกลิ่นเอมนาโน กลุ่มผู้ผลิตเวชสำอางค์ ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากสารสกัดออร์แกนิคธรรมชาติ100% ซึ่งล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทยทั้งสิ้น ที่มีสมาชิกกลุ่มตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำ ไปจนถึงนักวิชาการ และโรงงานผลิต โดยนางสุวิภา เสริมบุญสร้าง มองว่า "การจัดสัมมนาออนไลน์ของทาง SCG HOME เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์อย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางกลุ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาโควิด-19 แพร่ระบาด ไม่สามารถไปออกบูธขายสินค้าได้เหมือนแต่ก่อน จนมามองเห็นโอกาสในการขยายตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล ได้ความรู้และทักษะในการขายของบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทำให้จากเดิมที่ลูกค้าห่างหายไป หลังจากเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ ลูกค้าที่เคยซื้อกลับมาซื้อซ้ำและยังได้กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่ม"

วิสาหกิจชุมชนกาแฟรัษฎาและแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร จากจังหวัดตรัง ผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดกาแฟคั่วแบบดั้งเดิม สบู่กาแฟ และชาดอกกาแฟ ซึ่ง นางกนกวรรณ คำเนตร ให้ความเห็นว่า "โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการขนาดเล็ก ของ SCG HOME เป็นโครงการที่เห็นความสำคัญของชุมชน และช่วยเหลือชุมชนโดยตรง ทั้งยังให้โอกาสกับกิจการขนาดเล็กของชุมชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมและเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ ซึ่งถือว่าให้ประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ประกอบการ เช่น ด้านการขยายช่องทางออนไลน์ ทำให้ตอนนี้ทางกลุ่มฯ สามารถขยายช่องทางออนไลน์ไปในหลายแพลตฟอร์ม ตอบรับกับในขณะนี้ไม่สามารถเปิดหน้าร้านจำหน่ายสินค้าไม่ได้ก็ต้องอาศัยช่องทางออนไลน์ และในอนาคตก็หวังว่าอยากให้มีสัดส่วนขายออนไลน์เพิ่มมากขึ้น"

นายบรรณ เกษมทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า "SCG HOME รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีส่วนช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายเล็ก ให้สามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการเข้าร่วมอบรมสัมมนาไปใช้ได้จริง และจะเดินหน้าโครงการที่เป็นประโยชน์แก่สังคมและชุมชนนี้ไปอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่เพียงมีส่วนช่วยประคับประคองธุรกิจขนาดเล็กในช่วงที่ภาวะตลาดยังมีความผันผวนเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่จะเป็นภูมิคุ้มกันและเสริมรากฐานช่วยสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจรายย่อยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคตอีกด้วย"
#3851


การเที่ยวพิพิธภัณฑ์ถือเป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่มีความน่าสนใจ เพราะนอกจากพิพิธภัณฑ์จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นสถานที่ศึกษาหาความรู้อีกด้วย บางพิพิธภัณฑ์มีอาคารที่สวยงามและยิ่งใหญ่อลังการจนกลายเป็นแลนด์มาร์คของเมืองหรือประเทศนั้นๆ ครั้งนี้จะพาไปชม 6 พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่มีทั้งความเก่าแก่ ความสวยงาม และยิ่งใหญ่ ที่เราควรจะไปเยือนสักครั้งในชีวิต

1. Louvre Museum
"พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์" หรือ "Louvre Museum" เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เก่าแก่ที่สุด และใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเปิดให้สาธารณชนเข้าชมได้เมื่อปี ค.ศ. 1793 มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง ตัวอาคารเดิมเคยเป็นพระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมากกว่า 35,000 ชิ้น จากตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงศตวรรษที่ 19 โดยผลงานที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชีหรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอส

พีระมิดแก้วของลูฟวร์ (AFP Photo/Christophe ARCHAMBAULT)
พีระมิดแก้วของลูฟวร์ (AFP Photo/Christophe ARCHAMBAULT)

เอกลักษณ์อันโดดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ พีระมิดแก้วของลูฟวร์ ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์ของสถาปนิกชาวจีน-อเมริกัน นามว่า I.M. Pei โดยประกอบด้วยเหล็กและกระจก เป็นส่วนหนึ่งของโถงทางเข้าใหม่ที่ออกแบบให้สามารถรองรับผู้เข้าชมที่มีนับพันคนต่อวัน ในปัจจุบันพีระมิดนี้ถือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของกรุงปารีส

British Museum (ภาพ : britishmuseum.org)
British Museum (ภาพ : britishmuseum.org)

2. British Museum
เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมระดับโลกอย่างกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่มีสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอยู่มากมาย หนึ่งในนั้นคือ "British Museum" ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1953 และเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการเมื่อปี ค.ศ. 1959 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม จุดกำเนิดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เริ่มขึ้นจาก Sir Hans Sloane นักฟิสิกส์และธรรมชาติวิทยาเชื้อสายอังกฤษ-ไอริช ที่ได้สะสมวัตถุโบราณมีค่าไว้มากมาย และได้มอบให้กษัตริย์จอร์จที่ 2 เพื่อให้เป็นสมบัติของชาติ

ภายใน British Museum (ภาพ : britishmuseum.org)
ภายใน British Museum (ภาพ : britishmuseum.org)

ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จึงจัดแบ่งออกเป็นโซน เช่น โซนอียิปต์โบราณ โซนกรีกและโรมันโบราณ โซนเอเชีย โซนยุโรป โซนอเมริกา โซนตะวันออกกลาง เป็นต้น ซึ่งแต่ละโซนก็จะมีวัตถุโบราณแตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์สำคัญอยู่ที่แผ่นหิน Rosetta Stone ที่เป็นต้นแบบของศิลาจารึกภาษาอียิปต์อีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (ภาพ : nytimes.com)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (ภาพ : nytimes.com)

3. The Metropolitan Museum of Art
"พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน" หรือ "Metropolitan Museum of Art" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ Central park ในมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1870 โดยกลุ่มชาวอเมริกันผู้มีใจรักในงานศิลปะกลุ่มหนึ่ง มีการเก็บรวบรวมผลงานศิลปะแบบถาวรกว่า 2 ล้านชิ้น โดยแบ่งห้องการจัดแสดงทั้งหมดเป็น 19 ส่วน
ผลงานศิลปะของที่นี่มีตั้งแต่ศิลปะยุคคลาสสิก, ศิลปะยุคอียิปต์โบราณ, จิตรกรรมและประติมากรรมของจิตรกรชั้นปรมาจารย์ที่สะสมและรวบรวมมาจากเกือบทุกประเทศในแถบฝั่งยุโรปตะวันตก นอกจากนี้ยังมีงานสะสมศิลปะแบบอเมริกันดั้งเดิมรวมทั้งศิลปะแบบสมัยใหม่

ภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (ภาพ : metmuseum.org)
ภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโปลิตัน (ภาพ : metmuseum.org)

พิพิธภัณฑ์ปราโด (ภาพ :wikipedia.org)
พิพิธภัณฑ์ปราโด (ภาพ :wikipedia.org)

4. Museo del Prado
"พิพิธภัณฑ์ปราโด" หรือ "Museo del Prado" เป็นพิพิธภัณฑ์และหอศิลปะ ตั้งอยู่ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1785 พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสถานที่สะสมงานศิลปะยุโรปจากคริสต์ศตวรรษที่ 12 ถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ที่มาจากพื้นฐานของงานสะสมของพระราชวงศ์สเปน เดิมก่อตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับจิตรกรรมและประติมากรรมแต่ก็มีงานสะสมประเภทอื่น เช่นภาพวาด, ภาพพิมพ์, เหรียญ, งานตกแต่งอีกเกือบ 2,000 ชิ้น และประติมากรรมกว่า 700 ชิ้น

ด้านในของพิพิธภัณฑ์ปราโด (ภาพ : museodelprado.es)
ด้านในของพิพิธภัณฑ์ปราโด (ภาพ : museodelprado.es)

สำหรับภาพที่มีชื่อเสียงอย่าง Las Meninas ของ Velázquez ภาพชุด Black Paintings ของ Francisco de Goya งานภาพผู้หญิง หรือผลงานที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ที่ชาวสเปนร่วมกันต่อต้านกองทัพนโปเลียนในช่วงปีค.ศ.1808 จากสงครามเพนนินซูลาร์ผลงานของ Francisco Goya ก็ถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่ ดังนั้นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงเป็นสถานที่ที่ผู้หลงใหลงานศิลปะไม่ควรพลาด

พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช (ภาพ : saint-petersburg.com)
พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช (ภาพ : saint-petersburg.com)

5. Hermitage Museum
"พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาช" หรือ "Hermitage Museum" เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญและมีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก มีงานศิลปะในความครอบครองเป็นจำนวนราว 3 ล้านชิ้น ซึ่งผลงานศิลปะเหล่านี้ตั้งแสดงอยู่ในอาคาร 6 หลัง โดยอาคารเอก คือ พระราชวังฤดูหนาวที่เคยเป็นที่ประทับของซาร์

พระราชวังฤดูหนาว เป็นพระราชวังที่ได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่ หรูหราอลังการ มีลานกว้าง และ "เสาอเล็กซานเดอร์" ที่สร้างถวายพระเกียรติแด่กษัตริย์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 ที่พระองค์ทรงชนะ สงครามเหนือนโปเลียนของฝรั่งเศส โดยสาเหตุที่ถูกสร้างขึ้นให้มีขนาดใหญ่ก็เพื่อแสดงถึงอำนาจและความรุ่งโรจน์ของซาร์แห่งจักรวรรดิรัสเซีย โดยภายในมีงานศิลปะตั้งแต่ยุคอียิปต์โบราณจนถึงต้นศตวรรษที่ 20 ผลงานที่มีชื่อเสียงระดับโลกจัดแสดงของ ลีโอนาร์โด ดา วินชี ไมเคิล แองเจโล ราฟาเอล ติเตียน แรมแบรนท์ รูเบนส์ ภาพวาดอิมเพรสชั่นนิสม์ฝรั่งเศส รวมทั้งแวนโก๊ะ มาติส โกแกง และจิตรกรชื่อดังโรแดง

Rijksmuseum (ภาพ : rijksmuseum.nl)
Rijksmuseum (ภาพ : rijksmuseum.nl)

6. Rijksmuseum
Rijksmuseum หรือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม เมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ที่รวบรวมวัตถุโบราณ งานศิลปะเก่าแก่ และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์ไว้มากมาย สถาปนิกผู้ออกแบบอาคารแห่งนี้คือ Pierre Cuypers โดยสถาปัตยกรรมที่งดงามหรูหราทั้งภายในและภายนอกของอาคารแห่งนี้เป็นการสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมรูปแบบกอธิค และเรเนซองส์

ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติเนเธอร์แลนด์มีห้องจัดเเสดงกว่า 200 ห้อง ซึ่งจัดแสดงวัตถุโบราณของเนเธอร์แลนด์กว่า 8,000 ชิ้นและวัตถุจากทั่วทุกมุมโลกอีกนับล้านชิ้น รวมถึงส่วนที่เป็นไฮไลต์สำคัญสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในงานศิลปะโดยเฉพาะคือ ส่วนจัดเเสดงผลงานภาพเขียนของศิลปินดังระดับโลกจำนวนมาก
#3852


นายวิรงค์ พัฒนกำจร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารตัวแทน บมจ.อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต กล่าวว่า จากสถานการณ์วิกฤตโควิด 19 ที่รุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ทำให้สภาพตลาดประกันยังมีสภาวะชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง โดยตัวเลขจากสมาคมประกันชีวิตไทย ในช่วงครึ่งปีแรกตลาดประกันชีวิตมีการขยายตัวเพียง 3% สำหรับช่องทางตัวแทนของอลิอันซ์ อยุธยา ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม โดยตัวเลข 7 เดือนที่ผ่านมา สามารถสร้างเบี้ยประกันภัยปีแรก (ANP) 1,271 ล้านบาท  เติบโตถึง 9 % ความสำเร็จที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง เกิดจากการดำเนินกลยุทธ์ที่ถูกต้อง โดยปีนี้ เรามุ่งเน้นไปที่รูปแบบเฟรนไชส์ นำโมเดลที่ประสบความสำเร็จไปใช้พัฒนาตัวแทนกลุ่มอื่นๆ รวมถึงการมุ่งแบ่งปันความรู้และแรงบันดาลใจจากผู้ที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้ง ยังมีการกระตุ้นการสร้างยอดด้วยกิจกรรมและการแข่งขันให้ตัวแทนพิชิตเป้าหมายซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเสมอ 


ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายดันเบี้ยปีแรกช่องทางตัวแทนแตะ 3,100 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้    ล่าสุด บริษัทได้จัดงาน  AL Seminar ACTIV 21 งานสัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรก มีผู้บริหารตัวแทนจากทั่วประเทศเข้าร่วมงานกว่า 1500 คน มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาต่อยอดการสัมมนาให้มีความ Interactive มากขึ้น ทั้งในส่วนของแอปพลิเคชัน Activ 21 ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ผู้ร่วมงานได้รับความรู้จาก podcast ตอบquiz เพื่อเก็บคะแนนสะสมล่วงหน้าก่อนงานเป็นเวลา 1 เดือน ส่วนในวันงาน เน้นหลักสูตรเพื่อการบริหารทีมงาน จุดประกายให้เห็นความสำคัญของการทำงานเป็นทีม การส่งเสริมทัศนะคติเชิงบวก มองถึงโอกาสดีที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

รวมถึงการให้ความสำคัญกับตัวแทนรุ่นใหม่ในการเติบโตอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า" โดย คุณก๊อต จิรายุ ตันตระกูล ดารานักแสดง นักคิดที่มีมุมมองการใช้ชีวิตอย่างชัดเจน สัมภาษณ์เจาะลึก โดย คุณสง่า พิชฌังกูร โค้ชผู้เปลี่ยนแปลงชีวิต งานครั้งนี้ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างมากจากตัวแทน ได้รับคะแนนความพอใจจากผู้เข้าร่วมงานในระดับ 5 ดาว ถึง 4.7 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน

นอกจากนี้ บริษัทยังมีการประกาศการแข่งขันครั้งยิ่งใหญ่ นั่นคือ CAO Trip Challenge เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างผลงานของตัวแทนในทุกระดับ โดยการแข่งขันครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันด้วยระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือนเต็ม (ตั้งแต่ ส.ค. – ธ.ค. 64) โดยผู้พิชิตคุณวุฒิในการแข่งขันนี้ จะได้เดินทางร่วมทริปไปซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา โดยบริษัทตั้งเป้าการเดินทางในปีหน้า ซึ่งนอกจากจะเป็นการกระตุ้นการสร้างผลงานแล้วเพื่อพิชิตเป้าในปีนี้แล้ว ยังเป็นกำลังใจให้ทุกคนมองถึงอนาคตที่กำลังจะมีสิ่งดีดีเกิดขึ้น เมื่อวิกฤตการณ์ผ่านพ้นไป โดยรับชม VDO งานAL Seminar สัมมนาผู้บริหารตัวแทน รูปแบบออนไลน์ครั้งแรกได้ทางยูทูบ 
#3853


นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโคโรนา 19 (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยรุนแรงขึ้น การฟื้นตัวจะช้าออกไปและไม่เท่าเทียมกันในแต่ละภาคเศรษฐกิจ โดยเฉพาะภาคบริการและการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนัก รายได้และการจ้างงานที่ลดลงส่งผลซ้ำเติมฐานะการเงินที่เปราะบางของธุรกิจและครัวเรือน

ดังนั้น เพื่อให้มาตรการทางการเงินช่วยบรรเทาผลกระทบได้มากขึ้นในระหว่างที่ต้องใช้เวลาในการแก้ปัญหาด้านสาธารณสุข ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2564 จึงมีมติอนุมัติมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม ดังนี้

1. การรักษาสภาพคล่องและเติมเงินใหม่ให้กับลูกหนี้ SMEs และรายย่อย เพื่อให้สามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจและเพียงพอต่อการดำรงชีวิต

(1) ปรับปรุงหลักเกณฑ์สินเชื่อฟื้นฟูสำหรับลูกหนี้ SMEs ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2564 ธปท. อนุมัติสินเชื่อฟื้นฟูไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 92,316 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายร่วมระหว่าง ธปท. กับสถาบันการเงินที่ 1 แสนล้านบาทได้ก่อนเดือน ตุลาคม 2564 โดยสินเชื่อกระจายตัวได้ดีและครอบคลุมลูกหนี้จำนวน 30,194 ราย เฉลี่ยรายละ 3.1 ล้านบาท

ซึ่งเป็นลูกหนี้ธุรกิจขนาดเล็ก (ร้อยละ 42.6) ประกอบธุรกิจการพาณิชย์และบริการ (ร้อยละ 67.5) และเป็นลูกหนี้ที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด นอกเขตกรุงเทพและปริมณฑล (ร้อยละ 68.5) อย่างไรก็ดี ธปท. ประเมินว่าภาคธุรกิจยังมีความต้องการสินเชื่อฟื้นฟูเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะข้างหน้า


ที่ผ่านมา ธปท. ได้หารือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งผู้ประกอบธุรกิจผ่านสมาคมต่าง ๆ เช่น หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังปัญหา อุปสรรค และข้อจำกัดต่าง ๆ ของมาตรการสินเชื่อฟื้นฟู และเห็นควรให้ขยายวงเงินสินเชื่อ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีวงเงินสินเชื่อเดิมต่ำหรือไม่เคยมีวงเงินมาก่อน ที่เดิมอาจไม่ต้องพึ่งพาสินเชื่อจากสถาบันการเงิน รวมถึงเพิ่มการค้ำประกันให้กับลูกหนี้กลุ่มเสี่ยง เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้กลุ่มเป้าหมายที่เปราะบางได้มากขึ้น


(2) ผ่อนปรนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับสินเชื่อลูกหนี้รายย่อย ในส่วนของบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ และสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล เพื่อบรรเทาภาระการจ่ายชำระหนี้ ตลอดจนเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้ที่มีความสามารถในการชำระหนี้เป็นการชั่วคราว โดย (1) ขยายเพดานวงเงินสำหรับบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลสำหรับผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท (2) คงอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตที่เคยผ่อนคลายไว้ก่อนหน้า

และ (3) ขยายเพดานวงเงินและระยะเวลาชำระหนี้ของสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล ทั้งนี้ การผ่อนปรนเกณฑ์ดังกล่าว จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อในระบบและลดความจำเป็นของลูกหนี้ที่อาจถูกผลักไปใช้สินเชื่อนอกระบบในระยะต่อไป


2. การแก้ไขหนี้เดิมให้เหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบันและช่วยเหลือลูกหนี้ได้จริง ที่ผ่านมา สถานการณ์การระบาดมีความไม่แน่นอนสูง เดิมคาดว่าจะควบคุมได้และคลี่คลายในเวลาไม่นาน ทำให้เน้นการแก้ปัญหาแบบระยะสั้น เช่น การพักชำระหนี้เป็นครั้งคราว หรือปรับโครงสร้างหนี้แบบระยะสั้นเป็นหลัก แต่สถานการณ์มีแนวโน้มยืดเยื้อกว่าที่คาดมาก การแก้ปัญหาแบบเดิมจึงไม่ตอบโจทย์ และไม่ได้ทำให้ลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้พูดคุยเพื่อประเมินสถานการณ์ หรือหาทางแก้ไขที่จะช่วยให้ภาระของลูกหนี้ลดลงจริง

ภายใต้สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ธปท. จึงส่งเสริมให้เกิดการแก้ไขหนี้เดิมอย่างยั่งยืน โดยเน้นให้สถาบันการเงินช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แบบระยะยาว และคำนึงถึงหลักการดังต่อไปนี้ (1) มองสถานการณ์ระยะยาว โดยกำหนดการจ่ายคืนหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ปัจจุบันที่ลดลงมากและทยอยจ่ายเพิ่มขึ้นเมื่อรายได้กลับมา (2) สามารถช่วยลูกหนี้จำนวนมากได้เร็ว (3) ตรงจุดให้เหมาะกับ ปัญหาของลูกหนี้แต่ละรายที่มีปัญหาและการฟื้นตัวต่างกัน

(4) เป็นธรรมกับทั้งลูกหนี้และเจ้าหนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายผ่านความยากลำบากไปด้วยกัน นอกจากนี้ ต้องไม่สร้างแรงจูงใจที่ไม่เหมาะสม (moral hazard) ให้กับลูกหนี้ที่ไม่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้ความช่วยเหลือไปสู่กลุ่มลูกหนี้ที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงอย่างได้ผล และรักษาสมดุลและเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงินโดยรวม

เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์การส่งผ่านความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ลูกหนี้ในภาวะวิกฤต ธปท. จึงได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ดังนี้


2.1  สถาบันการเงินสามารถคงการจัดชั้นสำหรับลูกหนี้รายย่อย และ SMEs (ตามนิยามของสถาบันการเงิน) ที่เข้าสู่กระบวนการปรับปรุงโครงสร้างหนี้แล้ว ได้จนถึง 31 มีนาคม 2565 เพื่อเอื้อให้สถาบันการเงินและลูกหนี้มีเวลาเพียงพอในการพิจารณาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิผลในระยะยาว

2.2  การใช้หลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสำรองอย่างยืดหยุ่นไปจนถึงสิ้นปี 2566 เพื่อลดภาระต้นทุนสำหรับสถาบันการเงินที่ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างยั่งยืน ด้วยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้โดยวิธีที่นอกเหนือไปจากการขยายเวลาการชำระหนี้เพียงอย่างเดียว เช่น การเปลี่ยนโครงสร้างสินเชื่อจากระยะสั้นเป็นระยะยาวร่วมกับการปรับโครงสร้างหนี้วิธีอื่น ๆ การปรับโครงสร้างหนี้ที่มีการให้สินเชื่อเพิ่มเติมเพื่อเยียวยาและฟื้นฟูกิจการลูกหนี้ รวมถึงการลดภาระการผ่อนชำระให้ลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยจูงใจให้เกิดการส่งผ่านความช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ

2.3  การขยายระยะเวลาปรับลดอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุน FIDF เหลือร้อยละ 0.23 จากร้อยละ 0.46 ต่อปี ที่จะสิ้นสุดสิ้นปี 2564 นี้ ออกไปจนถึงสิ้นปี 2565 เพื่อให้สถาบันการเงินสามารถส่งผ่านต้นทุนที่ลดลงไปในการบรรเทาผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์ COVID-19 ที่ยังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง

การขับเคลื่อนให้มาตรการสามารถช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบได้จริงและรวดเร็วทันสถานการณ์เป็นหัวใจสำคัญ ที่ผ่านมา ธปท. ได้หารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องเพื่อรับทราบอุปสรรค ข้อจำกัด และข้อเสนอแนะต่าง ๆ จากลูกหนี้ทั้งรายย่อยและธุรกิจ รวมถึงสถาบันการเงินที่เป็นกลไกหลัก และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อปรับปรุงมาตรการให้ตอบโจทย์และตรงจุดยิ่งขึ้น

ซึ่ง ธปท. จะยังติดตามและวิเคราะห์แนวทางต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะทางเลือกในการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่สถาบันการเงินแต่ละแห่งจะจัดทำขึ้นเพื่อรองรับลูกหนี้แต่ละกลุ่ม (product program) รวมทั้งเร่งผลักดันให้สถาบันการเงินมีแนวทางดูแลลูกหนี้ที่ชัดเจนและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจการเงินของประเทศในภาพรวม
#3854


นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจด้านความร่วมมือทางการค้าไทย-ไห่หนาน ระหว่างนายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กับนายเฉิน ซี อธิบดีกรมพาณิชย์ไห่หนาน ผ่านระบบทางไกล ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็น Mini-FTA ฉบับแรกที่ไทยทำกับมณฑลในประเทศจีน ซึ่งเป็นนโยบายที่ให้ไว้กับกระทรวงพาณิชย์ว่าให้ทำความตกลงการค้าฉบับเล็ก หรือจะเรียกว่า Mini-FTA ก็ได้ โดยทำกับรัฐต่างๆ ที่บางรัฐมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าหรือมีจำนวนประชากรมากกว่าประเทศไทย โดยไห่หนานเป็นตัวอย่างแรกที่เกิดขึ้นกับประเทศจีน และยังมีแผนที่จะเดินหน้าทำกับมณฑลอื่นๆ ของจีนเพิ่มขึ้น เช่น มณฑลกานซู ที่มีชาวมุสลิมอยู่มาก เพื่อเป็นลู่ทางในการส่งเสริมการค้าสินค้าฮาลาลของไทย รวมถึงมณฑลอื่นๆ ที่เห็นว่าเป็นโอกาส

สำหรับเนื้อหาความร่วมมือประกอบด้วย 5 ด้าน ได้แก่ 1. ด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าระหว่างกัน 2. ด้านการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการค้า ด้านสินค้า ด้านนวัตกรรม และการตลาด รวมทั้งการส่งเสริมการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างกันเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้า 3. ด้านการอำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างกัน เช่น การเดินทางของนักธุรกิจ การจัดประชุมสัมมนาร่วมกันเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างกัน 4. ด้านการมุ่งขยายมูลค่าการค้าใน 3 สินค้าหลัก ประกอบด้วย สินค้าทางด้านการเกษตร สินค้าอาหาร และสินค้าอุตสาหกรรม 5. ความร่วมมือด้านอีคอมเมิร์ซ เช่น การส่งเสริมการค้าผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ของจีนและไทยเพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มการค้าจากปี 2563 ที่มีมูลค่า 9,233 ล้านบาท เพิ่มเป็น 12,000 ล้านบาทภายใน 2 ปี และความตกลงนี้จะมีผลเป็นระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. 2564 ถึงวันที่ 20 ส.ค. 2566

โดยตัวอย่างกิจกรรมที่จะทำร่วมกันจากนี้ไป เช่น เดือน พ.ย.-ธ.ค. 2564 จะมีการจัดงานจับคู่เจรจาการค้าออนไลน์ระหว่างไทย-ไห่หนานเพื่อเพิ่มโอกาสในการค้า การจัดงานแสดงสินค้า THAIFEX ที่ไทยจะเชิญผู้ประกอบการจากไห่หนานมาร่วมด้วย การจัดงานบางกอก เจมส์ ที่ตั้งเป้าเชิญนักธุรกิจไห่หนานมาร่วมด้วยเช่นเดียวกัน รวมถึงการจัดงานไห่หนาน เอ็กซ์โป ซึ่งไทยจะเชิญชวนนักธุรกิจของไทยเข้าไปร่วมงานนี้ด้วย

นอกจากนี้ ไทยยังได้เตรียมการทำ Mini FTA กับรัฐเตลังคานา ของอินเดีย ซึ่งขณะนี้เจรจาครบถ้วนแล้ว เหลือแค่การแก้ไขเอกสารต่างๆ ตามขั้นตอน และกำลังดำเนินการกับจังหวัดคยองกี สาธารณรัฐเกาหลี ที่เป็นอีกเป้าหมายที่จะเร่งดำเนินการ รวมทั้งได้มอบหมายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ทั่วโลกได้ประสานกับมณฑล เมืองสำคัญๆ ที่เห็นว่าจะเป็นโอกาสทางการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับไทยเพื่อทำ Mini FTA เพิ่มขึ้น

นายเฝิง เฟย ผู้ว่าการมณฑลไห่หนาน กล่าวผ่านระบบทางไกลว่า หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการลงนามครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ในการสร้างกลไกความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน ต่อจากนี้เป็นการขยายความร่วมมือระหว่างมณฑลไห่หนานกับประเทศไทย ทั้งทางด้านธุรกิจการค้า อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว วัฒนธรรมและสังคม เป็นต้น ทั้งสองฝ่ายจะร่วมแบ่งปันโอกาสใหม่ๆ แสวงหาการพัฒนาใหม่ในอนาคตร่วมกัน และขอบพระคุณนายจุรินทร์ ที่มีความใส่ใจและสนับสนุนการก่อสร้างท่าเรือการค้าเสรีไห่หนาน และขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยมาท่องเที่ยวและร่วมลงทุนพัฒนาธุรกิจที่มณฑลไห่หนาน

การลงนามในครั้งนี้มี นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายหนี เฉียง รองผู้ว่าการมณฑลไห่หนานและเลขาธิการรัฐบาลมณฑลไห่หนาน นายซุน ซื่อเหวิน รองเลขาธิการรัฐบาลมณฑลไห่หนาน ประธานหอการค้าไทย-จีน นายกสมาคมใหหนำแห่งประเทศไทย นายกสมาคมการค้าไทย-ไหหลำ และมีทูตพาณิชย์ทั่วโลก และพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด ร่วมงานผ่านระบบประชุมทางไกล
#3855


กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ รวบรวมความคืบหน้า ทั้งการสมัคร จ่ายเงินสมทบ รวมถึงไทม์ไลน์การจ่ายเงิน "เยียวยาประกันสังคม" 5,000 บาทสำหรับผู้ประกันตน 40 และ มาตรา 39 รวมถึงความคืบหน้าของกลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 33 รวมถึงรายละเอียดเพื่อไขข้อข้อใจว่าการเป็น "ผู้ประกันตนมาตรา 40" จะได้ประโยชน์อะไร แล้วจะเสียโอกาสใน "บัตรทอง" และ "บัตรคนจน" หรือไม่

ซึ่งในเรื่องนี้ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ชี้แจงถึงกรณีที่ผู้ถือบัตรทอง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรคนจน หรือสวัสดิการแห่งรัฐต่าง ๆ เมื่อสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 แล้ว ยืนยัน ไม่มีผลกระทบ และใช้สิทธิการรักษาพยาบาลร่วมกับบัตรทอง และสวัสดิการแห่งรัฐต่างๆ ที่เคยได้รับได้เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ได้เพิ่ม เช่น มีสิทธิได้รับเงินทดแทนจากการขาดรายได้เมื่อเจ็บป่วย หรือสิทธิประโยชน์กรณีเสียชีวิต ได้รับค่าทำศพ 50,000 บาท จากสำนักงานประกันสังคมเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย


ทั้งนี้ ใน 10 จังหวัดแรก ปิดให้ลงทะเบียนเพื่อรับเงินเยียวยาแล้ว

แต่สำหรับ 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และพระนครศรีอยุธยา หากยังไม่ได้สมัคร หรือสมัครแล้วยังไม่ได้จ่ายเงินสมทบ ยังสามารถทำได้จนถึงวันที่ 24 ส.ค.64 (และจะไปได้เงินพร้อมกับ 16 จังหวัดที่ประกาศรอบล่าสุด) 

โดยผู้ประกันตนทั้งตามมาตรา 39 และ มาตรา 40 ใน 19 จังหวัด ที่ยังไม่ได้สมัครเป็นผู้ประกันตน หรือสมัครแล้วยังไม่ได้จ่ายเงินสมทบ ซึ่งประกันสังคมขยายเวลาให้จ่ายเงินได้ถึงวันที่ 24 ส.ค.64 นั้น ในกลุ่มนี้ จะต้องรออัพเดทการโอนเงินอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับผู้ที่สนใจสมัครเป็น "ผู้ประกันตนตามมาตรา 40" 

- ใช้บัตรประชาชนใบเดียว

- สมัครง่าย ๆ ด้วยตนเองผ่านเว็บไซต์ www.sso.go.th 

- สมัครผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส (7-11)

- เคาน์เตอร์ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

- เคาน์เตอร์บิ๊กซี (Big C)

เมื่อสมัครแล้วสามารถจ่ายเงินสมทบได้ทันที หรือสมัครผ่านผู้แทนเครือข่ายประกันสังคม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1506 ให้บริการไม่เว้นวันหยุดราชการตลอด 24 ชั่วโมง 

ไทม์ไลน์จ่ายเงินเยียวยาผู้ประกันตนกลุ่มต่างๆ ดังนี้  


ผู้ประกันตน ม.33 

16 จังหวัดหลัง ใน 9 กลุ่มอาชีพ โอนเงิน 20 ส.ค. 64 จำนวน 2,500

ผู้ประกันตน ม.39

10 จังหวัดแรก+3 จังหวัด โอนเงิน 23 ส.ค. 64 จำนวน 5,000

ผู้ประกันตน ม.40 

10 จังหวัดแรก+3 จังหวัด โอนเงิน 24 ส.ค. 64 จำนวน 5,000

ผู้ประกันตน ม.39-40 

16 จังหวัดหลัง โอนเงิน 24 ส.ค. 64 จำนวน 5,000
#3856
 
 
 
ทำไมข้าวอินทรีย์ถึงดี
ทำไม ข้าวหอมมะลิแดงอินทรีย์   (SURIN Organic Rice)  ถึงดีกว่าข้าวทั่วๆไปที่ใช้สารเคมีอย่างไร ?  ข้าวปลอดสารเคมีสุรินทร์ หรือ ข้าวออร์แกนิค (Organic Rice)  คือ  ข้าวอินทรีย์แฟร์เทรด ทีได้จากการผลิตแบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นระบบการจัดการด้านการเกษตรแบบองค์รวมที่เกื้อหนุนต่อระบบนิเวศน์ วงจรชีวภาพ และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติในนา ข้าวกล้องหอมมะลินิลปลอดสารพิษ ไม่ใช้วัตถุดิบที่ได้จากการสังเคราะห์  สารเคที สารพิษ ยาฆ่าหญ้า ว่า ปุ๋ยเคมี สารควบคุมการเจริญเติบโตของข้าวเพื่อสุขภาพ สารควบคุมและกำจัดวัชพืช สารป้องกันกำจัดโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ตลอดจนสารเคมีที่ใช้รมเพื่อป้องกันกำจัดแมลงศัตรูข้าวในโรงเก็บ และไม่ใช้พืช สัตว์ หรือจุลินทรีย์ที่ได้มาจากการดัดแปลงพันธุกรรม หรือพันธุวิศวกรรม  เราเน้นปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการปลูกพืชหมุนเวียน การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ในไร่นาหรือจากแหล่งอื่น ควบคุมโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าวโดยวิธีผสมผสานที่ไม่ใช้สารเคมี การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมมีความต้านทานโดยธรรมชาติ รักษาสมดุลของศัตรูธรรมชาติ การจัดการพืช ดิน และน้ำ ให้ถูกต้องเหมาะสมกับความต้องการของต้นข้าว เพื่อทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้ดี มีความสมบูรณ์แข็งแรงตามธรรมชาติ การจัดการสภาพแวดล้อมไม่ให้เหมาะสมต่อการระบาดของโรค แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว เป็นต้น มีการจัดการกับผลผลิตและผลิตภัณฑ์ด้วยความระมัดระวัง เพื่อรักษาสภาพการเป็นเกษตรอินทรีย์ และคุณภาพที่สำคัญในทุกขั้นตอนการผลิตและการแปรรูป ข้าวออร์แกนิค

 
ข้าว Hor.Boutique ข้าวอินทรีย์สุรินทร์  ข้าวกล้องอินทรีย์ส่งทั่วไทย
277 หมู่ 14 ถ.พิชิตชัย ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ 32000
โทร. 092-8245655
Facebook : https://www.facebook.com/Hor.Product
Twitter : https://twitter.com/hor_boutique
IG : https://www.instagram.com/hor.boutique/
Line: @Hor.Boutique

เรามีข้าวอินทรีย์ 7 ประเภทครับ  ข้าวหอมมะลิออแกนิคส่งทั่วไทย
1.  ข้าวกล้องหอมมะลิออแกนิค
2.  ข้าวกล้องหอมมะลิปลอดสารพิษ
3. ข้าวปะกาอำปึลปลอดสารพิษ
4.  ขายข้าวสารหอมมะลิผสมหลายสายพันธุ์สุรินทร์
5. ข้าวกล้องอินทรีย์หอมมะลิแดง
6.  ปลูกข้าวกล้องหอมมะลินิลออแกนิค
7.  ข้าวไรซ์เบอร์รี่ปลอดสารพิษ


#ข้าวออร์แกนิก #ข้าวออแกนิค #ข้าวออแกนิก  #ข้าวอินทรีย์ #ข้าวสุขภาพ
 

 

 

 
 
#3857


นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ปัญหาการส่งออกลำไยในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี โดยเป็นประธานการประชุมการแก้ไขปัญหาด้านผลผลิตทางการเกษตร (ลำไย) พร้อมด้วย นายฤหัส ไชยศักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นายสมบัติ ตงเต๊า รองอธิบดีกรมวิชาการเกษตร นายชลธี นุ่มหนู ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุ และตัวแทนเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เข้าร่วมประชุม และผ่านระบบ Zoom Meeting ณ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดจันทบุรี ว่า

 

 จากปัญหาการตรวจพบศัตรูพืช (เพลี้ยแป้ง)ในลำไยผลสดจากไทยที่ส่งออกไปจีน ทำให้สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (General Administration of China Customs: GACC) ได้ระงับการส่งออกชั่วคราวโรงคัดบรรจุ 66 แห่ง เป็นโรงคัดบรรจุในเขตภาคตะวันออก ในจังหวัดจันทบุรี 28 แห่ง และจังหวัดสระแก้ว 1 แห่ง

           ทั้งนี้ ทางการจีนขอให้กรมวิชาการเกษตรสอบสวนหาสาเหตุ และกําหนดมาตรการควบคุมให้ทางการจีนพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องสําคัญและเร่งด่วน เนื่องจากใกล้ฤดูกาลเก็บเก่ียวลําไยของจังหวัดจันทบุรี ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนลําไยเป็นจํานวนมาก กรมวิชาการเกษตร สํานักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตท่ี 6 นายกสมาคมการค้าและการท่องเท่ียวชายแดนไทย-กัมพูชา จันทบุรี และนายกสมาคมชาวสวนลําไยจันทบุรี ได้ร่วมกันหามาตรการป้องกันเสนอให้ทางการจีนพิจารณา เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตรวจพบศัตรูพืชอีก ซึ่งขณะนี้ทางการจีนได้มีการผ่อนผันปลดล็อค ให้สามารถส่งออกได้แล้ว


รมช.มนัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลการเจรจาทำให้ทางการจีนอนุญาตให้โรงคัดบรรจุ 50 แห่ง จาก 66 แห่ง ที่มีความถี่ในการตรวจพบศัตรูพืชค่อนข้างต่ำสามารถส่งออกลำไยไปจีนได้ และอนุญาตให้โรงคัดบรรจุอีก 6 แห่ง จาก 9 แห่ง ที่ไทยได้ระงับเองเป็นการชั่วคราวเมื่อเดือน มี.ค.2564 มีการปรับปรุงแก้ไขเป็นไปตามเงื่อนไขที่จีนกำหนด สามารถส่งออกได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งสิ้นมีโรงคัดบรรจุ 56 แห่ง ที่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกไปจีนในครั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2564 สำหรับโรงคัดบรรจุในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก มีจำนวนทั้งสิ้น 93 แห่ง สามารถส่งออกไปจีนได้ จำนวน 88 โรง และยังคงถูกระงับการส่งออกชั่วคราว จำนวน 5 โรง เป็นโรงคัดบรรจุที่ตั้งอยู่ในจังหวัดจันทบุรีทั้งหมด (ข้อมูล ณ วันที่ 18 ส.ค. 2564) โดยจีนจะประเมินประสิทธิภาพของมาตรการเฝ้าระวังป้องกันกำจัดศัตรูพืชของไทย ในขั้นตอนกักกันการนำเข้า หากมาตรการดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพ โรงคัดบรรจุที่เหลือ จำนวน 5 โรง ที่มีความถี่ในการตรวจพบศัตรูพืชค่อนข้างสูง จึงจะสามารถส่งออกลำไยไปจีนได้


         "โรงคัดบรรจุที่ถูกตรวจพบศัตรูพืชหลายครั้ง จะต้องปรับปรุงแก้ไข และเป็นไปตามขั้นตอนที่กรมวิชาการเกษตรได้หารือกับทางการจีน จึงหวังว่าหลังจากน้ี ผู้ประกอบการของไทยจะพัฒนาระบบการส่งออกให้เป็นไปตามที่จีนต้องการในฐานะประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของไทย และขอให้เจ้าหน้าที่ของกรมวิชาการเกษตรดําเนินการตามมาตรการที่เสนอไปยังจีนอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการตรวจพบศัตรูพืชควบคุมอีก ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน ให้ความสําคัญในเรื่องของคุณภาพผลผลิตลําไยที่จะส่งออกไปยังต่างประเทศ ก็จะสามารถขับเคลื่อนให้ธุรกิจการค้าลําไยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีความยั่งยืนตลอดไป" รมช.มนัญญา กล่าว

         รมช.มนัญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญในคุณภาพสินค้า ทำอย่างไรให้คงความเป็นเอกลักษณ์ลำไยของไทย และควบคุมราคาไม่ให้ตกต่ำ โดยการสนับสนุนการบริโภคในประเทศให้มากขึ้น การแปรรูปลำไย การปรับเปลี่ยนเป็นลำไยอินทรีย์เพื่อเพิ่มมูลค่า อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯ พร้อมสนับสนุนเครื่องอบลดความชื้นให้กับสหกรณ์จันทบุรีเพื่อลดปริมาณความชื้นลงตามเกณฑ์มาตรฐาน เก็บรักษาผลผลิตไว้รอการจำหน่ายช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรทำให้เกษตรกรสมาชิกมีความเชื่อมั่นในระบบบริหารจัดการการผลิตและการตลาดของสหกรณ์ ช่วยเหลือเกษตรกรให้มีแหล่งจำหน่ายผลผลิตที่แน่นอน ในราคาที่เป็นธรรม ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น

         จากนั้น รมช.เกษตรฯ เดินทางไปเยี่ยมชมการจัดการโรงคัดบรรจุ พร้อมรับฟังปัญหาและการบรรยายสรุป ณ บริษัท ไชน่า จิงหว่อหยวน เอ็กพอร์ต (ไทยแลนด์) จำกัด ต.หนองตาคง อ.โป่งร้อน จ.จันทบุรี

           สำหรับสถานการณ์การส่งออกลำไยในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ในฤดูกาลผลิต ปี 2564/2565 สมาคมชาวสวนลำไยจังหวัดจันทบุรี คาดการณ์ว่าจะมีผลผลิตลำไยออกสู่ตลาดมากกว่า 300,000 ตัน สำหรับโรงคัดบรรจุ (ล้ง) ลำไย ในเขตพื้นที่ภาคตะวันออก มีจำนวนทั้งสิ้น 93 โรง อยู่ในจังหวัดจันทบุรี 89 โรง จังหวัดสระแก้ว 2 โรง และจังหวัดระยอง 2 โรงทั้งนี้ ภาคตะวันออก มีพื้นที่ปลูกลำไย 379,255 ไร่ เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง GAP 336,294 ไร่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ได้ตรวจประเมินแปลง และให้การรับรอง GAP แล้ว 330,662 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 98 ของพื้นที่ ที่เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง ในส่วนของจังหวัดจันทบุรี มีพื้นที่ปลูกลำไย 296,640 ไร่ เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง GAP 278,542 ไร่ สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 ได้ตรวจประเมินแปลง และให้การรับรอง GAP แล้ว 275,321 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 99 ของพื้นที่ ที่เกษตรกรยื่นขอใบรับรอง
#3858


วันนี้(20 ส.ค.)นายอริย์ธัช ชาติอาริยะพงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคกล้าเขตสวนหลวง-ประเวศกล่าวว่า จากกรณีที่ อธิบดีกรมอนามัย เรียกร้องว่ามีความจำเป็นต้องยกระดับมาตรการป้องกันโควิดด้วยการให้สวมหน้ากากในบ้านเพิ่มมากขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนในบ้าน เพราะสถานการณ์ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อจากการสัมผัสสมาชิกในครอบครัวหรือเกิดกับผู้ใกล้ชิดเพิ่มมากขึ้นนั้น

นายอริย์ธัช ระบุต่อไปว่า โดยหลักการถือว่าเป็นข้อแนะนำที่ชวนให้ตระหนักถึงปัญหาและสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงมาตรการนี้อาจมีความลำบากในทางปฏิบัติ เพราะหลายครอบครัวไม่ได้มีพื้นที่มากนัก สุดท้ายแล้วก็ต้องมีสัมผัสใกล้ชิดในชีวิตประจำวันซึ่งสามารถสัมผัสเชื้อได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นเชื้อที่ติดอยู่ตามสถานที่ใช้งานร่วมกันต่างๆโดยมือสามารถป้ายไปยังที่ต่างๆในบ้าน หรือเวลารับประทานอาหารที่ยังคงต้องถอดหน้ากากอยู่ดี อย่างไรก็ตาม ในสิ่งที่ตนเป็นห่วงและยังไม่ได้ถูกจัดการให้ดีพอในตอนนี้สำหรับภาคครัวเรือนก็คือ ขยะติดเชื้อต่างๆที่ไม่ได้รณรงค์หรือหาเครื่องมือช่วยให้มีการคัดแยกตั้งแต่ต้นทางได้มากพอ และปัญหาการเกิดสภาพล้นเกินปริมาณการกำจัดในแต่ละวันที่ปลายทาง ซึ่งหากมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นในชีวิตประจำวันแม้อยู่ในบ้านก็จะเป็นการเพิ่มขยะให้มากขึ้นอีก

"ปริมาณขยะปี 2563 คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 25 ล้านตัน แต่ที่ถูกกำจัดอย่างถูกต้องมีประมาณ 9 ล้านตันเท่านั้น ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษที่สำรวจไว้พบว่า การนำหน้ากากอนามัยไปทิ้งในบ่อฝังกลบทั่วไป ทำได้เพียงร้อยละ 25  เผาในเตาขยะติดเชื้อร้อยละ 9 จ้างเอกชนรับกำจัดร้อยละ 8 ที่มากที่สุดคือรวบรวมให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำจัดถูกวิธีร้อยละ 51 จึงยังมีขยะติดเชื้ออีกพอสมควรที่ยังไม่ถูกจัดการ และปัญหาใหญ่ก็คือการไม่แยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ทำให้ขยะติดเชื้อจากครัวเรือนไม่ว่าจะเป็นหน้ากากหรือทิชชู่หรืออื่นๆที่อาจมีเชื้อ เช่น ชุดตรวจ ATK ถูกรวมในถุงขยะเดียวกันทำให้ไม่สามารถนำไปกำจัดอย่างถูกต้องได้ ยิ่งพื้นที่กำจัดล้นจนระบายไม่ทันก็อาจแพร่กระจายเชื้อติดไปยังขยะอื่นได้ โดยอาจมีคนมาเก็บคัดแยกขยะก็กลายเป็นความเสี่ยง ดังนั้น สำหรับคนเก็บและแยกขยะจึงควรต้องนับรวมเป็นบุคลากรด้านหน้าที่ควรได้รับวัคซีนไฟเซอร์เพื่อป้องกันเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ จะเห็นว่าปัญหาขยะติดเชื้อมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นทุกที เมื่อจะยกระดับการควบคุมโรคแล้วก็ต้องคิดให้ครบถ้วนถึงปลายน้ำ นั่นคือการหาทางยกระดับมาตรการจัดการขยะติดเชื้อด้วย"นายอริย์ธัช กล่าว
#3859


นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเห็นโอกาสจากการลงทุนในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจกำลังเติบโต จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้น ยูเอส เอ็นดีคิว (SCB US Equity NDQ Fund : SCBNDQ) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวที่ต้องการกระจายการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีที่เป็นส่วนประกอบของดัชนี NASDAQ เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 20 – 26 สิงหาคม นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

โดยเปิดให้นักลงทุนได้เลือกลงทุน 2 รูปแบบ ได้แก่ 1) ชนิดสะสมมูลค่า - SCBNDQ(A) สามารถซื้อได้ในทุกช่องทางรวมถึงผู้สนับสนุนการขายทุกราย ฟรีค่าธรรมเนียมการซื้อเฉพาะช่วงเสนอขายครั้งแรก และ 2) ชนิดช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ - SCBNDQ(E) ในรูปแบบ e-class ฟรีค่าธรรมเนียมการซื้อและการจัดการ โดยต้องลงทุนผ่าน SCBAM Fund Click เท่านั้น

สหรัฐฯ นับว่าเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกและมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 โดยจากภาพรวมเศรษฐกิจของที่มีการฟื้นตัวหลังจากที่ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวันในประเทศลดลงและมีความคืบหน้าในการฉีดวัคซีนสูงขึ้น ประกอบกับนาย โจ ไบเดน ได้ลงนามและบังคับใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย ทำให้ผู้ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 ได้รับเงินช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมถึงการที่รัฐบาลมีการเตรียมเพิ่มเงินอัดฉีดเป็นจำนวน 3.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันสำคัญในอนาคต


บริษัท ได้เล็งเห็นถึงโอกาสจากปัจจัยเหล่านี้ที่จะเป็นตัวช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนดัชนี NASDAQ ซึ่งก่อนหน้าได้นำเสนอกองทุนดัชนี S&P 500 และดัชนี Dow Jones ไปแล้ว โดยเราเป็นเพียง บลจ.เดียวในประเทศไทยที่มีครอบคลุมทุกดัชนีหลักในสหรัฐฯ เพื่อให้นักลงทุนได้เลือกลงทุนอย่างหลากหลาย สำหรับดัชนี NASDAQ เป็นดัชนีที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและเติบโตสูงมีโอกาสเติบโตได้ในระยะยาว เน้นการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำที่มีชื่อเสียงและมีผู้ใช้งานทั่วโลก โดยปัจจุบัน NASDAQ มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกด้วยมูลค่า 20 ล้านล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ และให้ผลตอบแทนย้อนหลังสูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก (ที่มา:  Morningstar ณ วันที่ 13 ก.ค. 2564) ดังนั้น กองทุน SCBNDQ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนจากหุ้นเทคโนโลยีได้

สำหรับกองทุน SCBNDQ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ Invesco NASDAQ 100 ETF (QQQM) (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เป็นกองทุนประเภท Exchange Traded Fund (ETF) จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐฯ บริหารโดย Invesco Capital Management LLC ทั้งนี้ กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ณ ขณะใดขณะหนึ่ง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ

ส่วนกองทุนหลัก Invesco NASDAQ 100 ETF (QQQM) จะลงทุนในหุ้นของบริษัททั้งในและนอกประเทศสหรัฐฯ ที่ไม่ใช่สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุด จำนวน 100 บริษัท และเป็นส่วนประกอบของดัชนี NASDAQ-100 โดยเน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ เช่น Apple, Microsoft, Amazon, Alpha., Facebook และ Tesla สูงกว่าเมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นอื่นของสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนก่อนหักค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี NASDAQ-100 นอกจากนี้ กองทุนหลักยังมี Expense ratio ต่ำ และมีผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี Nasdaq 100 อีกด้วย ทั้งนี้ กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลังอยู่ที่ 24.35% เทียบกับดัชนีอ้างอิง NASDAQ-100 อยู่ที่ 24.50% ซึ่งจะเห็นได้ว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน (ที่มา: Invesco ณ 31 กรกฎาคม 2564)
#3860


นายธนา ต่อสหะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มดีพีซี จำกัด กล่าวว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งระลอก 2 และ 3 ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมเพื่อเช่า ได้รับความสนใจและเติบโตอย่างต่อเนื่อง พบว่า ไตรมาสแรกที่ผ่านมามีผู้สนใจสอบถามห้องชุดให้เช่าเพิ่มขึ้น 21% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 2 สอบถามห้องชุดให้เช่าเพิ่มขึ้นสูงถึง 42% เทียบไตรมาส 2 ปี 2563

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนว่าผู้บริโภคสนใจเช่าห้องชุดมากขึ้น ทั้งมีการปรับเปลี่ยนทำเลและพฤติกรรมในการพักอาศัย เช่น เดิมผู้เช่าสนใจห้อง 1 ห้องนอน ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. เน้นพื้นที่ภายในห้องนอนมากกว่าพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ แต่ปัจจุบันผู้เช่ามองหาห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 43-60 ตร.ม. ที่เน้นประโยชน์จากการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆ ได้อย่างคุ้มค่า

"วิกฤติโควิดส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการมองหาห้องชุดเพื่อเช่า ที่เน้นปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้หลากหลาย ห้องอเนกประสงค์สามารถปรับเป็นสถานที่ทำงานแบบเวิร์คฟรอมโฮม หรือปรับเป็นพื้นที่ออกกำลังกาย ต้องการระเบียงขนาดใหญ่ เพื่อปลูกต้นไม้เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ห้องพัก ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบเวิร์คฟรอมโฮม อยู่ห้องพักนานขึ้น และต้องการเช่าระยะที่ยาวขึ้น หากคอนโดมีฟังก์อื่นที่น่าสนใจเพิ่มเติม เช่น เลี้ยงสัตว์ได้ จะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการปล่อยเช่าได้มากยิ่งขึ้น"

ทั้งนี้ ลูกค้าหลักยังคงเป็นกลุ่มคนวัยทำงานที่มีรายได้ระดับกลาง และกลุ่มพนักงานชาวต่างชาติ (Expat) ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และมีความต้องการเปลี่ยนคอนโดหรือย้ายทำเล ซึ่งผู้เช่ายังคงให้ความสำคัญกับ "ทำเล" โดยมองหาห้องชุดทำเลกลางใจเมือง เดินทางสะดวก ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ ร้านสะดวกซื้อ ชอปปิงมอลล์

สำหรับทำเลที่ผู้เช่าให้ความสนใจและมีอัตราการเช่าเติบโตอย่างต่อเนื่อง คือ ย่านสุขุมวิทตอนกลางถึงตอนปลาย ลาดพร้าว-พหลโยธิน ซึ่งทำเลสุขุมวิทตอนกลาง เริ่มตั้งแต่แยกอโศกไปจนถึงสถานีรถไฟฟ้าพระโขนง พบว่า มีความหลากหลายของการใช้ชีวิตมากที่สุด โดยเฉพาะ "ทองหล่อ-เอกมัย" ที่มีปัจจัยหนุนเอื้อต่อการเติบโตในอนาคตมากมาย เช่น เป็นทำเลยอดนิยมในการพักอาศัยชาวต่างชาติ อีกทั้งธุรกิจในพื้นที่ยังตอบรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ตลอดจนถนนที่กว้างถึง 6 เลน เชื่อมต่อสู่เอกมัยได้

ในอนาคตพื้นที่ดังกล่าวจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาจุดเชื่อมต่อที่บริเวณบีทีเอส สถานีทองหล่อ (วัชรพล-ทองหล่อ) และอีกจุดที่ บีทีเอสสถานีพระโขนง (พระโขนง-ท่าพระ) ช่วยเสริมศักยภาพพื้นที่ ส่งผลให้ปัจจุบันอัตราการเช่าในพื้นที่ดังกล่าวสูงถึง 40% ส่วนใหญ่เป็นผู้เช่าชาวต่างชาติ 70% โดยมีอัตราค่าเช่าห้องชุดขนาด 40-60 ตร.ม. เฉลี่ยอยู่ที่ 35,000 บาทต่อเดือน ส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนเข้ามาลงทุนเพื่อปล่อยเช่าจำนวนมาก มีอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า( Rental Yield) เฉลี่ย 4-6% (ข้อมูลปี 2564 ) สูงที่สุดเมื่อเทียบพื้นที่อื่นๆ ในทำเลสุขุมวิท

สำหรับพื้นที่สุขุมวิทตอนปลาย เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าพระโขนงไปจนถึงสถานีแบริ่ง ได้รับความสนใจจากกลุ่มคนวัยทำงานโดยมีสัดส่วนการเช่าสูง 50% จากกลุ่มผู้เช่าทั้งหมด เนื่องจากราคาปล่อยเช่าคอนโดยังไม่สูงมาก ห้องชุดขนาด 40-60 ตร.ม. มีค่าเช่าเฉลี่ย 24,000 บาทต่อเดือน

ขณะที่ย่านลาดพร้าว-พหลโยธิน เป็นอีกทำเลที่มีการเติบโตของตลาดเช่าค่อนข้างดี เนื่องจากการขยายตัวของรถไฟฟ้าสายใหม่ สายสีเขียวส่วนต่อขยาย (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) ส่งผลให้มีประชากรในพื้นที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งพื้นที่อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานศึกษา มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางการคมนาคมใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ เป็นอีกปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ตลาดเช่าเติบโตในอนาคต ปัจจุบันราคาค่าเช่าเฉลี่ยในพื้นที่อยู่ที่ 18,000 บาทต่อเดือน ผู้เช่าส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน นักศึกษา สำหรับอัตราผลตอบแทนในการลงทุนปล่อยเช่า เฉลี่ย 5%